รัฐยกระดับคุมเข้มป้องโควิดระบาด กดดันหุ้นไทยเสี่ยงขาลง

หุ้น-กองทุน-แบงก์

ตลาดหุ้นไทยวันนี้เสี่ยงขาลงเคลื่อนไหวระหว่าง 1,530-1,550 จุด ตามความรุนแรงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่มีมากขึ้น การตกค้างของผู้ติดเชื้อใน กทม. ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาและอยู่ระหว่างการรอเตียงอีกกว่า 2 พันราย ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการคุมเข้ม สั่งปิดสถานที่เสี่ยง 31 ประเภท เริ่มตั้งแต่ 26 เม.ย.เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เริ่มบทลงโทษไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากเคหสถานปรับเงิน 2 หมื่นบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 เม.ย. 2564 ว่า คาดเช้านี้ดัชนีเคลื่อนไหวอิงทางลงเป็นหลักระหว่าง 1,530-1,550 จุด ตามพัฒนาการของปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศ ด้วยความรุนแรงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่มีมากขึ้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และการตกค้างของผู้ติดเชื้อใน กทม. ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาและอยู่ระหว่างการรอเตียงอีกกว่า 2 พันราย ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการคุมเข้มมากขึ้น

โดยการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ล่าสุดนี้ นอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจะเร่งตัวขึ้นแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตก็เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยเช่นกัน ด้วยการเสียชีวิตเกิน 10 รายเป็นครั้งแรก แตกต่างจากการแพร่ระบาดในระลอก 2 ที่ไม่เห็นการพุ่งขึ้นของผู้เสียชีวิตเท่าไหร่นัก สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงที่แตกต่างกันของไวรัส โควิด-19 ในทั้งสองรอบ

และด้วยปัญหาระบบสาธารณสุขทั้งการติดต่อผู้ติดเชื้อและการบริหารจัดการเตียงเพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาจยังทำได้ไม่ดีนัก หลายฝ่ายจึงเริ่มกังวลว่าการฟื้นตัวของเศษฐกิจไทยในระยะหลังจากนี้อาจมีความยากลำบากมากขึ้น

ล่าสุดผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. สั่งปิดสถานที่เสี่ยง 31 ประเภท เริ่มตั้งแต่ 26 เม.ย.นี้ เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน อีกทั้งหลายจังหวัดเริ่มประกาศบทลงโทษปรับเงิน 2 หมื่นบาท หากประชาชนไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถาน รวมแล้วกว่า 47 จังหวัด

ทางกระทรวงคลัง เผยอาจต้องกู้ฉุกเฉินวงเงินอีก 1 ล้านล้านบาท เบื้องต้นจะใช้เยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิก-19 รอบนี้ โดยแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่าวงเงิน 2 แสนล้านบาท ที่ยังเหลือจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาทรอบก่อน อาจไม่เพียงพอ ซึ่งคลังอาจต้องขยายกรอบการก่อหนี้สาธารณะต่อจีดีพีขึ้นให้เกินกว่า 60% จากระดับปัจจุบันอยู่ที่ราว 57-58%

ฟากอียูเล็งให้ประชากรสหรัฐที่รับการฉัดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าประเทศได้ โดยล่าสุด ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเผยว่า กลุ่มประเทศสมาชิกยุโรปจะเปิดตัว “COVID-19 Travel Passes” เพื่อใช้ในการรองรับคนที่ฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว ให้สามารถเดินทางเข้ากลุ่มประเทศยุโรปอย่างไร้เงื่อนไข โดยวัคซีนที่ฉีดต้องเป็นตัวที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรปได้ทำการรับรองแล้วเท่านั้น

ซึ่งประชากรสหรัฐส่วนใหญ่จะเข้าตรงตามเงื่อนไขนี้ แต่อียูยังไม่ได้กำหนดวันเริ่มดำเนินการชัดเจน และทางฝ่ายวิจัยมองว่าอาจจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ จากจำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีเริ่มเร่งตัวจนอาจต้องขยายมาตรการคุมเข้มไปถึงเดือน มิ.ย.นี้


สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นเน้นก็งกำไรในกลุ่มที่ได้ประโยชน์เฉพาะตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 1/64 จะออกมาแข็งแกร่ง