รีวิวหุ้นโรงพยาบาลกำไร Q2 ฟื้น รายได้ “ตรวจรักษาโควิด-Hospitel” หนุน

แพทย์-ตรวจโควิด-19

โบรกฯจ่อปรับประมาณการกำไรหุ้นโรงพยาบาลใหม่สะท้อน “โควิดระลอก 3” คาดรายได้ “ตรวจโควิด-hospitel” หนุนกำไรฟื้น “บล.ทิสโก้” ประเมินกำไรกลุ่ม Q1/64 ยังลดลงเฉียด 40% แต่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เผย “BCH” เด่นแนวโน้ม Q2 ดีต่อเนื่อง หลังมีดีลโรงแรมกว่า 10 แห่ง “บล.เคทีบี” มอง “BDMS-BH” ยังเหนื่อยจากลูกค้าต่างชาติหาย

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/2564 หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล 5 บริษัท จะอยู่ที่ 2,352 ล้านบาท หรือลดลง 38% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) แต่จะเพิ่มขึ้น 19.8% จากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นเหมือนช่วงปลายปี 2563

อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้รวมจะลดลง 8.9% สะท้อนผลการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 โดยคาดว่าจะมีเพียง บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ที่ยังเติบโตได้จากการรับตรวจโควิด จากการระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร

“การขาดแคลนเตียงของภาครัฐเป็นโอกาสของโรงพยาบาลเอกชน โดยตั้งแต่การระบาดโควิดสายพันธุ์อังกฤษในเดือน เม.ย. 2564 ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้คาดว่ารายได้ของโรงพยาบาลเอกชนจะเพิ่มขึ้นจาก หนึ่ง การตรวจโรคโควิดที่เพิ่มขึ้น สอง จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่เพิ่มขึ้น และสาม รายได้จากการทำ hospitel”

นายอภิชาติ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยกำลังพิจารณาปรับประมาณการกำไรหุ้นโรงพยาบาลทั้งปีเพิ่มขึ้น จากเดิมคาดที่ 11,986 ล้านบาท เพื่อสะท้อนการระบาดระลอก 3 โดยคาดว่า BCH จะได้ประโยชน์สูงสุด จากที่มีดีลกับโรงแรม 10 แห่ง และกำลังเจรจาอีก 5 แห่ง โดย 1 เดือนที่ผ่านมา โรงแรมทั้ง 10 แห่งมีอัตราการเข้าพัก 90% ทำให้คาดผลประกอบการของ BCH จะเพิ่มขึ้น 21% หรือ 5% ของประมาณการทั้งปี

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนจะเน้นลูกค้า 2 กลุ่มหลัก คือ 1.ลูกค้าประกันสังคม กับ 2.ลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าโรงพยาบาลที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะได้รับผลกระทบเชิงลบมากกว่า

อย่างล่าสุด บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ประกาศกำไรไตรมาส 1 ออกมาเหลือแค่ 91 ล้านบาท ลดลงกว่า 88% YOY ค่อนข้างผิดคาดไปมาก ขณะที่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ทาง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรอยู่ที่ 1,530 ล้านบาท แต่กำไรก็อาจออกมาต่ำกว่าคาดเช่นกัน

ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นลูกค้าประกันสังคม เชื่อว่ากำไรปรับตัวลดลงไม่มาก เพราะมีรายได้ประจำค้ำจุนอยู่ โดยเฉพาะ BCH ที่มีโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ซึ่งมีสมาชิกประกันสังคมอยู่กว่า 8 แสนราย ขณะที่ CHG มีสมาชิกประกันสังคมกว่า 4.5 แสนราย

ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/2564 แม้จะถูกผลกระทบโควิดระบาดจากคลัสเตอร์ทองหล่อ แต่เชื่อว่ากำไรหุ้นโรงพยาบาลจะออกมาดีกว่าปีก่อนและดีกว่าไตรมาส 1/2564 เพราะช่วงเดียวกันปีก่อนมีการล็อกดาวน์ประเทศ ขณะที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมีรายได้จากการตรวจรักษาโควิด ทั้งในโรงพยาบาลและ hospitel เป็นรายได้พิเศษเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินรายได้ส่วนนี้ว่าจะมาทดแทนรายได้คนไข้ทั่วไปที่หายไปได้หรือไม่

“ไตรมาส 2 รายได้ธุรกิจหลักอาจจะไม่ดี แต่จะมีรายได้พิเศษเข้ามา ค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ว่าโรงพยาบาลไหนสามารถไปรับรักษาลูกค้าติดเชื้อโควิดได้ขนาดไหนด้วย”

ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่รัฐบาลยืนยันจัดหาได้เพียงพอ เอกชนไม่จำเป็นต้องจัดหามาเพิ่มนั้น ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนไม่น่าจะนำเข้าวัคซีนโดยตรงได้ ดังนั้น ทำให้โรงพยาบาลจะมีรายได้เฉพาะการรับจ้างฉีดวัคซีนเป็นหลัก

“กว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ช่วง มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งจะฉีดให้ครอบคลุมประชาชนจำนวนมากได้จะเป็นปีหน้าไปแล้ว หมายความว่าเรามีโอกาสจะเจอคลัสเตอร์โควิดอีกอย่างน้อย 1-2 ครั้งในปีนี้ คาดว่าหนักสุดคือช่วงปลายปี 2564 เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ติดต่อกันได้ง่าย เราจึงอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรหุ้นโรงพยาบาลใหม่ทั้งปี น่าจะออกมาประมาณกลางเดือน พ.ค.นี้ เป็นการปรับให้สอดคล้องกับบรรยากาศการระบาดโควิดในประเทศ” นายมงคลกล่าว