“บล.กสิกรฯ” ไม่ห่วง “Sell in May” มองเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้น ประเมินกรอบดัชนีเดือน พ.ค. เคลื่อนไหวบริเวณ 1,535-1,620 จุด แนะครึ่งเดือนแรกสะสมหุ้นกลุ่ม global play “ปิโตรฯ-พลังงาน-อิเล็กทรอนิกส์” ส่วนครึ่งเดือนหลังแนะสะสมหุ้นกลุ่ม “แบงก์-ไฟแนนซ์”
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. 2564 หลายฝ่ายกังวลจะเกิด Sell in May (การเทขายหุ้นในเดือน พ.ค.) แต่ฝ่ายวิจัย บล.กสิกร ฯมองเป็นโอกาสในการซื้อ โดยให้กรอบแนวรับเดือน พ.ค. บริเวณ 1,535 จุด และแนวต้านบริเวณ 1,620 จุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
“ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน พ.ค. เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่ม global play ทั้งเซ็กเตอร์ปิโตรเคมี พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเราแนะนำหุ้น STGT, SCC, SCGP, IVL แต่สำหรับช่วงครึ่งเดือน หลังมองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่ม domestic play โดยเฉพาะเซ็กเตอร์ธนาคารและการเงิน”
นายสรพลกล่าวว่า เนื่องจากช่วงครึ่งเดือนแรกเดือน พ.ค. ยังเป็นภาวะการล็อกดาวน์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม domestic play จะได้รับผลกระทบ ในขณะที่กลุ่มหุ้นต่างประเทศจะได้รับผลบวก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจปิโตรเคมีที่ spread (ส่วนต่าง) ค่อนข้างดีมาก และสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) ที่ราคายังดีอยู่
ดังนั้น ถ้ามาตรการล็อกดาวน์เจ็บแต่จบช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน พ.ค. หุ้นแบงก์น่าจะไปต่อได้ จากการตั้งสำรองไว้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับ 155-160% ในขณะเดียวกัน Coverage Ratio ก่อนตั้งสำรองอยู่ที่ 130% นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์น่าจะยังเติบโตต่อเนื่องได้ เช่นเดียวกับกลุ่มไฟแนนซ์ที่มีผลกระทบจำกัดสามารถเติบโตดีต่อเนื่อง
“เรายังไม่เห็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงลงในเดือน พ.ค. เพราะฉะนั้นมองว่ากรอบ 1,535-1,620 จุด ยังเอาอยู่” นายสรพลกล่าว
นายสรพลกล่าวด้วยว่า สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ซึ่งเบื้องต้นช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์มาก เพราะเป็นปีแรกในรอบเกือบ 10 ปี ที่กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของ บจ.ถูกอัพเกรดมาเกือบ 8% ในขณะที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา EPS ถูกดาวน์เกรดทุกปี เพราะฉะนั้นปีนี้ EPS ที่ถูกอัพเกรดจะเป็นการจำกัดดาวน์ไซด์ของตลาดไม่ให้ปรับตัวลงมาก
“ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวบวกมาแล้ว 8% และจะมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง ดังนั้น Sell in May ที่หลายคนกังวล เรามองว่ารอบนี้ไม่น่ากังวล เพราะการปรับตัวลง เป็นโอกาสในการซื้อ” นายสรพลกล่าว
