ส่องหุ้นรับอานิสงส์รัฐแจกเงิน – “ยิ่งใช้ยิ่งได้” หนุนห้างฯฟื้น

เราชนะ

โบรกฯส่องหุ้นรับอานิสงส์แพ็กเกจเยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ประเมิน บจ.ได้ประโยชน์แค่ทางอ้อม “บล.เอเซีย พลัส” มองหุ้นค้าส่ง “MAKRO” ได้ประโยชน์ “เรารักกัน-เราชนะ” หุ้นกลุ่ม “ห้างค้าปลีก-ร้านค้าไอที-ห้างเฟอร์นิเจอร์” รับปัจจัยบวกมาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่คาดจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2.8 หมื่นล้านบาทช่วงครึ่งปีหลัง แนะถือยาวเกิน 3 เดือน ฟาก“บล.ทรีนีตี้” ชี้มาตรการรอบนี้แค่ซื้อเวลายืดกำลังซื้อประชาชน ไม่หนุนกำไร บจ.

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐวงเงินรวม 2.46 แสนล้านบาทคิดเป็น 1.6% ของ GDP แบ่งเป็น 2 ระยะคือ 1. ดำเนินการทันที 1.06 แสนล้านบาท ได้แก่ สินเชื่อสู้ภัยโควิด วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 2 ล้านคน มาตรการพักชำระหนี้ของแบงก์ SFIs ครอบคลุม 1.36 ล้านคน

มาตรการลดค่าไฟและน้ำประปาช่วง พ.ค.-มิ.ย.ให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี เพิ่มวงเงินโครงการเราชนะ 2,000 บาท วงเงินรวม 6.7 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเงินโครงการ ม.33 เรารักกัน 2,000 บาทวงเงินรวม 1.85 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมรวมกัน 33 ล้านคน

และ 2.มีวงเงินรวม 1.4 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผูู้มีบัตรสวัสดิการเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาทนาน 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.64 ครอบคลุม 13.6 ล้านคน วงเงินรวม 1.63 หมื่นล้านบาท ลักษณะเดียวกับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ครอบคลุม 2.5 ล้านคน วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่งเฟส 3 วงเงินรวม 9.3 หมื่นล้านบาท ครอบคลุม 31 ล้านคน และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ภาครัฐจะสนับสนุน e-Voucher ให้ประชาชนนำไปใช้จ่ายกับร้านค้า-บริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มูลค่าใช้จ่าย สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน โดยคาดมีผู้เข้าร่วม 4 ล้านคน

“มาตรการในภาพรวมจะให้ผลแค่ทางอ้อมต่อ บจ. ถ้าสังเกตโครงการเราชนะเรารักกัน คนละครึ่งเฟส 3 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ใช่ บจ.ที่อยู่ในตลาดหุ้น จึงไม่ได้ประโยชน์ทางตรงแต่จะได้ทางอ้อมแทนเช่น สยามแม็คโคร (MAKRO) เป็นต้น”

มาตรการที่ต้องจับตาคือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ มีหุ้นได้ประโยชน์คือ เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC), เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) คอมเซเว่น (COM7), เอสพีวีไอ (SPVI), โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เป็นต้น

“คาดมียอดใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2.8 หมื่นล้านบาท แต่คงตอบยากว่าจะมีผลต่อรายได้กำไร บจ.แค่ไหนในระยะสั้นคงได้ประโยชน์ในเชิงเซนติเมนต์ ขณะที่หลายฝ่ายยังกังวลโควิดในประเทศที่อยู่ในช่วงหาจุดพีก ถ้าลงทุนธีมนี้ต้องซื้อและถือยาวเกิน 3 เดือน”

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นมาตรการเดิม จึงมองเป็นการซื้อเวลาเพื่อยืดกำลังซื้อประชาชนออกไปเล็กน้อย คงไม่เห็นผลเชิงรายได้หุ้นบริโภคในประเทศ

“ไม่คิดว่าแค่มาตรการนี้ทำให้นักลงทุนรีบกลับมาซื้อหุ้น Domestic Play แถมช่วงที่ผ่านมาเห็นผลกระทบการจับจ่ายออกไปที่บริษัทนอกตลาดหุ้นมากขึ้น แต่ถ้าจะได้ประโยชน์จริง ๆ คงเป็นหุ้น MAKRO เพราะเป็นห้างค้าส่ง”


ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งเป็นรูปแบบการสมทบจ่าย ยิ่งจ่ายมากรัฐช่วยมาก แต่ประเมินวงเงินไว้สูงสุดไม่เกิน 7 พันบาทต่อคน ต้องดูตัวเลขใช้จ่ายสุดท้ายอีกที และที่สำคัญต้องดูว่า e-Voucher จะจำกัดห้างร้าน VAT หรือไม่ ซึ่งทำให้วงเงินการใช้จ่ายจะแคบลงไปอีก