ธปท.ออกมาตรการใหม่อุ้มลูกหนี้รายย่อย ผ่อนไม่ไหวคืนรถได้

ธปท.จับมือสถาบันการเงิน ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 3 ตั้งแต่ 17 พ.ค.-31 ธ.ค.64 เพิ่มทางเลือกลูกหนี้ชำระไม่ไหวคืนรถ-รวมหนี้ได้ ลดการฟ้องร้อง สั่งลดภาระค่างวด-ยืดเทอมชำระ-ปรับดอกเบี้ยให้เหมาะสม เผยลูกหนี้รายย่อยเข้าโครงการช่วยเหลือกว่า 1.9 ล้านล้านบาท

วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยที่ประสบปัญหาด้านรายได้ลดลง ส่งสัญญาณต่อการชำระหนี้ที่ลำบากมากขึ้น กาธปท.จึงได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (น็อนแบงก์) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.-31 ธ.ค.64 โดยลูกค้าจะต้องไม่เป็นลูกค้าค้างชำระเกิน 90 วัน ก่อนวันที่ 1 มี.ค.63

โดยครอบคลุม 4 กลุ่มสินเชื่อ ได้แก่ 1.สินเชื่อส่วนบุคคล-สินเชื่อบัตรเครดิต โดยสิ่งที่เพิ่มเติม คือ การขยายระยะเวลาและลดดอกเบี้ยให้มากที่สุด หากขยายระยะเวลาเกิน 48 งวด ให้ทบทวนดอกเบี้ยที่เหมาะสม 2.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถและจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ เพิ่มทางเลือกให้ลูกหนี้สามารถคืนรถได้หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยให้ภาระหักภาระคงเหลือ เพื่อลดการฟ้องร้อง และภาระคงเหลือผู้ประกอบการพิจารณาการช่วยเหลือ เช่น ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือลดค่างวด

และ 3.สินเชื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มทางเลือกทั้งการพักชำระเงินต้น จ่ายดอกเบี้ยบางส่วน พักค่างวด และกรณีหมดมาตรการช่วยเหลทอลูกค้าทยอยชำระหนี้แบบขั้นบันได และ 4.เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ลูกหนี้สามารถคืนรถหากไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยภาระหนี้คงเหลือสามารถบริหารจัดการตามกำลังของลูกหนี้ โดยห้ามคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสัญญาเดิม

“ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระลอก 3 มีลูกค้าเข้ามาขอความช่วยเหลือในเดือนก.พ.-มี.ค64 แล้วจำนวน1 แสนราย วงเงิน 4 ล้านบาท เราเห็นสัญญาณการค้างชำระเกิน 1 วันมีสัดส่วนเพิ่มจขึ้น 10% ของพอร์ตรายย่อย จากมาตรการระยะที่ 2 มีลูกค้าขอความช่วยเหลือทั้งหมด 3.7 ล้านล้านบาท เป็นลูกค้ารายย่อย 1.9 ล้านล้านบาท ครั้งนี้จะช่วยลูกหนี้ได้ตรงจุดและทันการณ์มากขึ้น”