หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบเป็นหลัก 1,555-1,575 จุด นักลงทุนรอปัจจัยหนุนใหม่

หุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,555-1,575 จุด เพื่อรอปัจจัยใหม่ ล่าสุดรัฐจ่อกู้เพิ่ม 7 แสนล้านบาท หวังเยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว เล่นเก็งกำไรแบบขึ้นขาย ลงซื้อในกรอบ และคงสัดส่วนพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้นไม่เกิน 30% ของพอร์ตรวม ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ “อังกฤษ-ยุโรป” รายงานการประชุม FOMC

วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ภาพใหญ่ SET Index น่าจะยังเคลื่อนในกรอบเป็นหลัก ท่ามกลางปัจจัยลบเดิม ๆ ที่ตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว ในทางกลับกัน ยังขาดปัจจัยบวกโดดเด่นเข้ามากระตุ้นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน จึงคาดว่าเช้านี้ SET Index จะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,555-1,575 จุด

โดยปัจจัยใหม่ที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษและกลุ่มยุโรป และรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดเพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน เน้นการเลือกหุ้นรายตัว เพื่อเก็งกำไรแบบขึ้นขาย ลงซื้อในกรอบ และคงสัดส่วนพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้นไม่เกิน 30% ของพอร์ตรวม

สำหรับวันนี้ติดตามการประกาศตัวเลข CPI ของอังกฤษและยุโรปเดือน เม.ย. 64 ที่ตลาดคาดว่าจะออกมา 1.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และ 1.6% ตามลำดับ โดยหากออกมาสูงกว่าคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ ดังเช่นตัวเลข Core CPI ของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ จะทำให้ความกังวลนักลงทุนต่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางจะถอนสภาพคล่องของมาตรการช่วยเหลือออกและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

ทั้งนี้ ต้องจับตารายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ทางฝ่ายเชื่อว่าเฟดจะยังยืนตามมุมมองเดิมว่าการจ้างงานในสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวดีนัก และจะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำจนถึงปี 2566 เพื่อหนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหรัฐ

ล่าสุดที่ประชุม ครม.วานนี้ห็นชอบในหลักการที่กระทรวงการคลังเสนอออก พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติม วงเงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังผลกระทบระลอก 3 รุนแรงกว่าที่คาด และ พ.ร.ก.กู้เงิน ฉบับเดิมใกล้เต็มวงเงินแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.ด้านสาธารณสุขเพื่อจัดหายา วัคซีน เครื่องมือแพทย์จำนวน 30,000 ล้านบาท

2.เยียวยาผลกระทบ COVID-19 จำนวน 400,000 ล้านบาท

3.ฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นการจ้างงาน การลงทุนและการบริโภคในประเทศอีก 270,000 ล้านบาท

ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศยังคงทรงตัว มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นเป็นระยะ และอัตราการเสียชีวิตวานนี้ยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ แม้ไม่รุนแรงแบบก้าวกระโดด แต่ก็ยังไม่มีวี่แววดีขึ้น จึงต้องฝากความหวังที่การกระจายวัคซีนที่ตอนนี้รัฐบาลมีแผนฉีดให้กับคนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” ก่อนจากเดิมที่คาดว่าจะใช้การ Walk in เข้าช่วย