ความวุ่นวายทางการเมืองในซาอุดิอาระเบีย หนุนเงินเยนแข็งค่า

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.01/11 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (6/11) ที่ 33.14/15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงจากความกังวลของนักลงทุนในเรื่องการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยนักลงทุนที่ไม่มั่นใจว่าพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านร่างกฎหมายภาษีได้ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐลงด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักวิเคราะห์หลายท่านออกมาแสดงความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องกู้เงินจำนวนมากเพื่อนำมาใช้รองรับมาตรการทางภาษีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอยู่ด้วย ในวันเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กออกมายืนยันว่า นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก จะเกษียณอายุในกลางปีหน้า ก่อนที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2562 รายงานระบุว่า การตัดสินใจเกษียณอายุก่อนครบวาระของนายดัดลีย์เป็นแผนการที่เตรียมไว้นานแล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดแทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.11-33.16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.22/24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (7/11) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1611/14 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (6/11) ที่ 1.1601/04 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร วานนี้ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับ 56.0 ในเดือนตุลาคม จากระดับ 56.7 ในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวยังคงยืนอยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 52 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ขณะที่นายคริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐาสตร์ฝ่ายธุรกิจจากไอเอชเอสกล่าวว่า “เศรษฐกิจของยูโรโซนยังขยายตัวแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาส 4 เนื่องจากธุรกิจใหม่ขยายตัวมากขึัน เดือนพฤศจิกายนก็น่าจะเป็นเดือนที่ดีสำหรับกิจกรรมทางธุรกิจ” ทั้งวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1564-1.1616 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1571/73 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (7/11) เปิดตลาดที่ระดับ 113.77/78 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (6/11) ที่ระดับ 114.13/14 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ การปรับตัวแข็งค่าของเงินเยนได้รับแรงหนุนจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลักของโลก โดยเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งกล่าวต่อรอยเตอร์ว่า มีการตั้งข้อหาติดสินบน ยักยอกเงิน ฟอกเงิน และใช้อำนาจในทางที่ผิดของเจ้าชายซาอุดิอาระเบีย เจ้าหน้าที่และนักธุรกิจเป็นจำนวนรวมกันหลายสิบคน รวมถึงได้มีการควบคุมตัวบุคคลกลุ่มนี้เพื่อสอบสวนในคดีคอร์รัปชั่นอีกด้วย จากปัญหาทางการเมืองครั้งนี้ ส่งผลให้อุปสงค์ต่อเงินเยนซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้การเคลื่อนไหวระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.68-114.28 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 114.25/28 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์นี้ได้แกด่ ตัวเลขสินค้าคงคลังน้ำมันดิบสหรัฐ (8/11) ดัชนีสินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐ (8/11) และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทย (8/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -0.40/-0.35 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.75/-0.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ