สถาบันการเงินชั้นนำของไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารออมสิน ได้ประกาศความร่วมมือสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 6,000 ราย ที่เป็น “คู่ค้า” ของ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ผ่านมาตรการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”
โดย “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มองไปข้างหน้าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจใช้เวลา จึงต้องเร่งแก้ปัญหาเยียวยาผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีกลไกการทำงานร่วมกัน ดังนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
1.ภาครัฐและ ธปท.จะช่วยลดความเสี่ยงของ SMEs และเพิ่มความเข้มข้นในการช่วยเหลือ โดยใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 2.สถาบันการเงินจะช่วยเชื่อมต่อผู้ประกอบการรายใหญ่
ปรับแนวทางช่วยเหลือ SMEs และรายย่อย 3.ผู้ประกอบการรายใหญ่จะประสานข้อมูลของรายย่อย เพื่อให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้มากขึ้น และ 4.SMEs เองจะต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด
และยกระดับการบริหารจัดการบัญชี โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุน และสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน
“ความร่วมมือนี้จะช่วยลดข้อจำกัดเรื่องของความเสี่ยงของ SMEs ขณะที่ผู้ประกอบการที่มีคู่ค้าจะแข็งแรงขึ้น สถาบันการเงินก็จะมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ สามารถขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ส่วนภาครัฐก็สามารถยื่นมือช่วยผู้ที่ต้องการช่วยได้ ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ขยายผลโครงการนี้” ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว
ขณะที่ “นายผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เม็ดเงินจำนวนมากหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มีผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทยเกี่ยวข้องถึง 2.5 ล้านราย หรือประมาณ 81% ของผู้ประกอบการ SMEs ทั้งประเทศ และเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการจ้างงานมากที่สุดถึง 9 ล้านคน คือเป็น 77% ของการจ้างงานในภาค SMEs หรือมากถึง 54% ของการจ้างงานทั้งหมด
“โครงการประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าที่เป็นคู่ค้า และพันธมิตรของเดอะมอลล์ กรุ๊ปกว่า 6,000 ราย ให้มีสภาพคล่องทางการเงิน ประคองธุรกิจ รักษาการจ้างงานให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นายผยงกล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมี 2 มาตรการสนับสนุนประกอบด้วย 1.“สินเชื่อฟื้นฟู” เพื่อเสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปีในช่วง 2 ปีแรก ผ่อนชําระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี และ 2.สินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนสำหรับคู่ค้าของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชีโดยให้วงเงินตามธุรกรรมการค้า กู้ได้สูงสุด 20 ล้านบาท สามารถใช้ บสย.ได้
ขณะที่แบงก์อื่น ๆ อีก 5 แบงก์ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมถึงธนาคารออมสิน ต่างล้วนมีมาตรการสินเชื่อภายใต้ความร่วมมือนี้เช่นเดียวกัน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางด้าน “บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” ก็ได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทย จัดทำโครงการแซนด์บอกซ์ นำฐานข้อมูลการทำธุรกิจของคู่ค้า
และซัพพลายเออร์เบื้องต้นกว่า 4,000 รายของ “เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล” มาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยผ่าน digital factoring platform และได้อนุมัติสินเชื่อกลุ่มแรกให้กับ SMEs จำนวน 1,000 ราย ซึ่งกว่า 70% ของซัพพลายเออร์ยังไม่เคยเข้าถึงซอฟต์โลนมาก่อน
พร้อมกันนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังสนับสนุน “สินเชื่อเพื่อคู่ค้า CRC” วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับคู่ค้าของ “เซ็นทรัล รีเทลฯ” ทั้งคู่ค้าที่เป็นลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ของธนาคารอีกด้วย โดยจะให้การช่วยเหลือ 2 รูปแบบ คือ สินเชื่อฟื้นฟู และ 2.สินเชื่อไม่มีหลักประกัน สำหรับลูกค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟู
จากภาพทั้งหมดนี้ น่าจะช่วยประคองผู้ประกอบการ SMEs ให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตนี้โควิด-19 ที่ทำท่าจะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คิด และ หากสามารถขยายความร่วมมือนี้ไปยังเซ็กเตอร์อุตสาหกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีก ก็จะช่วย SMEs ได้เพิ่ม และที่สำคัญ จะช่วยรักษาการจ้างงานได้อีกมากด้วยเช่นกัน