หุ้นขนาดกลางเสน่ห์แรง ผลตอบแทนแจ่ม ตลท.เผยนักลงทุนซื้อขายพุ่ง

ตลาดหุ้นไทย

“ตลาดหลักทรัพย์ฯ” เผยภาพรวมตลาดหุ้นไทย 5 เดือนแรกปีนี้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 10% เทียบจากสิ้นปี 2563 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเกือบแสนล้านต่อวัน “หุ้นขนาดกลาง” เสน่ห์แรง นักลงทุนซื้อขายพุ่ง แม้ผันผวนสูงแต่กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า-ผลตอบแทนน่าสนใจ เผยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ 5 เดือนขายสุทธิไปแล้ว 6.6 หมื่นล้านบาท เชื่อปูพรมฉีดวัคซีนหนุนโฟลว์-เศรษฐกิจไทยรีคัฟเวอร์

ศรพล ตุลยะเสถียร
ศรพล ตุลยะเสถียร

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 64) ภาพรวมตลาดหุ้นไทยพบว่าดัชนี SET Index ปิดที่ 1,593.59 จุด เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค โดยเฉพาะเดือน พ.ค. 64 ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิด Sell In May แต่ภาพรวมดัชนี SET Index ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ราว 0.7% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจะเป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคการส่งออกและการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก

โดยช่วง 5 เดือนแรกพบว่า SET มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 98,859 ล้านบาทต่อวัน เฉพาะในเดือน พ.ค. 64 มีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 109,446 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 63.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5 เดือนแรกไปแล้วรวมกว่า 66,870 ล้านบาท เฉพาะเดือน พ.ค. 64 ขายสุทธิอยู่ที่ 34,054 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิกว่า 101,236 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายต่อวัน โดยส่วนใหญ่เป็นการเข้าเก็งกำไรซื้อขายหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้นจากระดับ 30% มาอยู่ที่ระดับ 40% แม้มีความผันผวนสูงแต่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ

“เทรนด์ตอนนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเห็นถึงความสำคัญของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น แต่ก็ยังมีความผันผวนมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่อยู่พอสมควร ในส่วนของผลตอบแทนความคาดหวังของหุ้นขนาดกลางไม่ได้สูงกว่าหุ้นขนาดเล็ก เพียงแต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ

และดูจากความผันผวนของหุ้นเทียบกับผลตอบแทนของหุ้นในแต่ละช่วงเวลาจะเห็นได้ชัดเจนว่าหุ้นเล็กผลตอบแทนไม่ค่อยเสถียรทำให้มีความเสี่ยงสูง ในขณะที่หุ้นขนาดกลางมีผลตอบแทนที่ไม่ได้เป็นไปตามหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ในการลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า” นายศรพลกล่าว

ทั้งนี้สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปีนี้ทิศทางปรับตัวดีขึ้น เพราะฉะนั้นจะเป็นปีที่รีคัฟเวอร์กลับมา ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว ดังนั้นจะได้รับอานิสงส์โดยเฉพาะจากการส่งออก ส่วนการท่องเที่ยวยังคงต้องรอความคืบหน้าการฉีดวัคซีนภายในประเทศที่เริ่มปูพรมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งถ้าเป็นไปได้ดีตามคาดการณ์ก็จะส่งผลดีมากขึ้น

อย่างไรก็ดี หลังจากนี้หากการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาได้ดี เชื่อมั่นว่าในระยะกลางจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย แต่สิ่งที่ต้องติดตามซึ่งเป็นทั้งปัจจัยเสี่ยงและโอกาสระยะสั้นคือ เศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนแค่ไหน โดยสิ่งที่ต้องมองคือมาตรการของประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะความเสี่ยงในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ รวมไปถึงอัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตรด้วย