เงินฝากพุ่งใกล้แตะ 15 ล้านล้าน แห่ตุนสภาพคล่องรับวิกฤต

เงินฝากพุ่งไม่หยุด ! “ttb Analytics” ชี้คนกังวลความเสี่ยงโควิด-19 แห่โยกฝากบัญชี “ออมทรัพย์-กระแสรายวัน” ตุนสภาพคล่องแลกรับดอกเบี้ยต่ำแค่ 0.5% เผยบัญชีเกิน 1 ล้านบาทฝากเพิ่มจากช่วงก่อนวิกฤตไวรัสถึง 14% ขณะที่แบงก์รับอานิสงส์เงินฝาก CASA พุ่งกดต้นทุนเงินฝากลดลง

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb Analytics) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงพุ่งไม่หยุด โดยล่าสุด ณ สิ้นเดือน เม.ย. 2564 เงินฝากเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 14.87 ล้านล้านบาท และหากเทียบกับต้นปีเงินฝากก็เพิ่มขึ้นมาถึง 1.7%

“ถ้าจำได้ช่วงเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว เงินฝากก็พุ่งมาก เพราะคนโยกเงินมาฝากกันมาก แต่ปีนี้ก็ยังพุ่งอีก ขณะที่สินเชื่อโต 1% ทำให้สุทธิแล้วเงินฝากก็โตมาก ทำให้สภาพคล่องในระบบแบงก์ค่อนข้างสูง โดย LDR (สัดส่วนสินเชื่อต่อยอดเงินฝาก) อยู่ที่ประมาณ 4.62 ล้านล้านบาท ส่วน LCR (อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต) ก็มีสัดส่วนประมาณ 185% เรียกว่ายังล้นระบบ เพราะคนยังค่อนข้างระวังเรื่องความเสี่ยง” นายนริศกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนเงินรับฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันต่อจำนวนเงินรับฝากรวม (CASA) อยู่ที่เกือบ 70% แล้ว จากที่เคยมีสัดส่วนประมาณ 60% ในช่วงก่อนโควิด-19 ขณะที่ TD (เงินฝากประจำ) ลดลง ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนนำเงินมาฝากแบบสามารถถอนเมื่อใดก็ได้มากขึ้น สะท้อนว่าต้องการเน้นสภาพคล่อง จึงทำให้เงินฝากรายย่อยไปกองกันอยู่ที่เงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ปัจจุบันได้ดอกเบี้ยต่ำแค่ 0.50% เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าเงินฝากของบุคคลธรรมดาที่เกิน 1 ล้านบาท ก็เติบโตขึ้นมาก จากช่วงก่อนโควิดที่ทั้งระบบอยู่ที่ 4.7 ล้านล้านบาท แต่ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.37 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่เงินฝากที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ก่อนโควิดอยู่ที่ 2.76 ล้านล้านบาท เพิ่มมาอยู่ที่ 2.94 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7%

“ภาพเหล่านี้สะท้อนว่า คนนำเงินออกจากตลาดทุน ตลาดหุ้น มาไว้ที่เงินฝากกันมากขึ้น และการที่ CASA เพิ่มขึ้นก็เป็นผลดีกับระบบแบงก์ที่ต้นทุนเงินฝากลดลง” นายนริศกล่าว