โบรกฯชี้ “หุ้นอสังหา” ครึ่งปีหลังฟื้น ลุ้นรัฐฉีดวัคซีนโควิดตามแผน

อสังหา-โควิด

โบรกฯชี้หุ้นอสังหาฯครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก รับแผนฉีดวัคซีนโควิด “บล.เอเซีย พลัส” คาดกำไรกลุ่ม 17 บจ. ปีนี้แตะ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% เผยแนวราบพรีเซลเด่น เห็นสัญญาณเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น ส่วนโครงการคอนโดฯสร้างเสร็จพร้อมโอนคาดทะลักช่วงไตรมาส 3-4 แนะหาจังหวะลงทุน “SPALI-AP-LH” ก่อนปิดงบไตรมาส 2 ฟาก “บล.เคทีบี” มองมาตรการดึงต่างชาติซื้ออสังหาฯแลกวีซ่า 10 ปี ช่วยได้ไม่มาก เหตุซื้อแบบมีเงื่อนไข คาดตลาดอสังหาฯอีก 2 ปี ถึงฟื้นกลับสู่ระดับก่อนโควิด

นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะฟื้นตัวดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกจากแผนการฉีดวัคซีน และสถานการณ์โควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น

โดยจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่มีมากขึ้นประกอบกับโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอน ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงไตรมาส 3-4 ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรหุ้นกลุ่มอสังหาฯ 17 บริษัท ในปีนี้จะอยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน

“โครงการแนวราบยังทำยอดพรีเซลได้ค่อนข้างดีกว่า เพราะเป็นโปรดักต์เรียลดีมานด์ คนยังต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ขณะที่โครงการคอนโดฯอาจจะหดตัวลงไป สาเหตุเกิดจากการเปิดตัวโครงการน้อยลง และสถานการณ์โควิดซึ่งส่งผลให้ลูกค้าต่างชาติหายไป รวมไปถึงกำลังซื้อจากนักลงทุนเก็งกำไรที่หายไปด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังโควิดคลี่คลายต้องติดตามว่าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปช่วงน้ำท่วมใหญ่ พบว่าดีมานด์ในตลาดถูกย้ายจากโครงการแนวราบมาเป็นคอนโดฯ ดังนั้น หลังโควิดก็อาจจะเห็นดีมานด์พลิกกลับได้”

เบื้องต้นประเมินกำไรในไตรมาส 2จะเป็นช่วงต่ำสุดของปี ตามปัจจัยฤดูกาลของตลาดอสังหาฯเพราะมีช่วงวันหยุุดยาวและยิ่งเกิดการระบาดของโควิดระลอก 3 มีส่วนทำให้คนไม่อยากออกจากบ้านมาดูโครงการ ฉะนั้น คาดว่าน่าจะเห็นกำไรตกลงจากไตรมาส 1

ทั้งนี้ แนะนำหุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) คาดว่ากำไรจะไต่ระดับเพิ่มขึ้นเป็นรายไตรมาส เพราะโครงการคอนโดฯใหม่ จะมีการโอนเข้ามาช่วงไตรมาส 2-3 และครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัโครงการแนวราบมากขึ้น ซึ่งจะหนุนต่อการรับรู้รายได้, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP โดยช่วงไตรมาส 3 จะมีการโอนโครงการคอนโดฯใหม่ 2 โครงการ และช่วงที่ผ่านมา ยอดขายแนวราบทำได้ค่อนข้างดีมาก ยังมีงานในมือสูง (backlog) และ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ที่โปรดักต์ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบซึ่งทำยอดขายได้ดี

ประกอบกับภาพธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่า เช่น ธุรกิจศูนย์การค้า, ธุรกิจโรงแรม ถ้าสถานการณ์โควิดคลี่คลายน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ดีขึ้น รวมไปถึงคาดหวังการฟื้นตัวของบริษัทร่วมในส่วนโฮมโปรและรายได้จากแอลเอชไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป”

“นักลงทุนสามารถเล่นหุ้นที่มูลค่ายังไม่แพง และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย 5% ต่อปี โดยหาจังหวะเข้าลงทุนก่อนงบไตรมาส 2 ออก เพื่อหาผลตอบแทนได้

อย่างไรก็ดี จะมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามนั่นคือแผนการฉีดวัคซีนต่อเนื่องไปจนถึงความคาดหวังการเปิดประเทศ ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักลงทุนต่างชาติเข้ามา ถ้าไม่เป็นไปตามแผนอาจจะทำให้ทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้ เช่น การเลื่อนเปิดโครงการใหม่หรือไม่เปิดเลย”

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า บล.เคทีบีประเมินกำไรหุ้นกลุ่มอสังหาฯรวม 6 บริษัท โดยคาดจะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน ที่หดตัวไปกว่า 30% จากปีก่อนหน้า

โดยแนวโน้มยอดขายยังดี มีการเปิดตัวโครงการใหม่และเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น อาจจะสะดุดไปบ้างในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2564 ซึ่งจะส่งผลให้ไตรมาส 2 กำไรจะชะลอลงไปเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ ประเมินยอดขายทั้งปีนี้ของกลุ่มอสังหาฯ จะอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท เป็นการเติบโตกลับมา 14% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่อยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท และปี 2565 คาดว่ายอดขายมีโอกาสจะเพิ่มขึ้นอีก 8% โดยต้องติดตามว่าช่วงที่เหลือของปี มาตรการภาครัฐจะมีอะไรออกมาช่วยหรือไม่หลังผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว เพราะผู้ประกอบการเคยเรียกร้องให้แก้ผ่อนผันเกณฑ์ LTV แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางภาครัฐ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ส่วนเรื่องเกณฑ์ที่ ศบศ.จะเปิดให้นักลงทุนต่างชาติศักยภาพสูงเข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทย แลกวีซ่า 10 ปีมองว่าคงช่วยได้ไม่มาก เพราะต้องซื้อแบบมีเงื่อนไข ขณะที่คนจีนส่วนใหญ่ยังไม่เดินทางเข้ามา

“เรามองกำไรปีนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท โตระดับ 20% ซึ่งยังต่ำกว่าเมื่อเทียบช่วงก่อนเกิดระบาดโควิดที่มีกำไร 1.8 หมื่นล้านบาท ดังนั้น คาดว่ากว่าตลาดอสังหาฯจะกลับเข้าไปสู่สภาวะปกติได้ ต้องรออีก 2 ปี” นายมงคลกล่าว


คาดการณ์กำไรหุ้น_proof