ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังตัวเลขการผลิตต่ำกว่าคาด

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/7) ที่ระดับ33.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (17/7) ที่ 33.71/73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ หลังจากที่ความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งในปีนี้นั้น ได้ลดลงต่ำกว่า 50% หลังจากเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14/7) ผนวกกับช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์กอยู่ที่ระดับ 9.8 ในเดือนกรกฎาคมลดลงเกินคาดจากระดับ 19.80 ในเดือนมิถุนายน โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์กอาจอยู่ที่ระดับ 15.00 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.56-33.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.64/66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

 

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (18/7) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1525/27 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (17/7) ที่ 1.1447/50 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางตัวเลขเศรษฐกิจองทางยุโรปที่ประกาศในช่วงที่ผ่านมาจะมีสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซนชะลอตัวในเดือนมิถุนายน แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการยืนยันตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ยูโรสแตทเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ใน 19 ประเทศที่ใช้ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งลดลงจาก 1.4% ในเดือนพฤษภาค และ 1.9% ในเดือนเมษายน แต่ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้จับตาอย่างใกล้ชิดเพิ่มขึ้นสู่ 1.2% เมื่อเทียบรายปี จาก 1.0% ในเดือนพฤษภาคม ทั้งวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1470-1.1537 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1525/26 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

 

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (18/7) เปิดตลาดที่ระดับ 112.23/26 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (17/7) ที่ระดับ 112.52/54 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์จะคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะประกาศปรับเลื่อนกำหนดเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นจะบรรลุเป้าหมาย 2% ออกไปอีกครั้ง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตเร็วขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับใกล้ 1% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับเพียง 0.4% ต่อปีในเดือนพฤษภาคม นายฮิเดะโนบุ โทคะตะ นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยมิสุโฮกล่าวว่า “ค่าแรงและราคาปรับสูงขึ้นในช่วงนี้ แต่ไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเท่ากับที่บีโอเจคาดการณ์ไว้ ดังนั้นบีโอเจจึงมีความจำเป็นต้องปรับเลื่อนกำหนดเวลาในการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อออกเป็นเป้าหมายระยะกลางถึงระยะยาว” ทั้งนี้การเคลื่อนไหวระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 111.97-112.70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 112.28/30 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

 

สำหรับค่าเงินปอนด์ในวันนี้ (18/7) เปิดตลาดที่ระดับ 1.3075/77 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (17/7) ที่ระดับ 1.3054/56 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างจำกัดถึงแม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศยังคงกดดันให้ค่าเงินปอนด์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยสถาบันวิจัย “เซ็นเตอร์ ฟอร์ ลอนดอน” เปิดเผยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจกรุงลอนดอนเริ่มได้รับผลกระทบจากกระบวนการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit โดยเห็นได้ชัดจากตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงในกรุงลอนดอน และจำนวนคนงานชาวต่างชาติที่ขอจดทะเบียนภาษีเงินเดือนก็ดิ่งลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ถึงแม้อัตราการว่างงานของกรุงลอนดอนทรงตัวอยู่ที่ 5.5% ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 25 ปีก็ตาม นายเบน โรเจอร์ส ผู้อำนวยการของเซ็นเตอร์ ฟอร์ ลอนดอนกล่าวในวันนี้ว่า “ถึงแม้ไม่มีใครรู้ว่า Brexit จะส่งผลเช่นใดในอนาคต รายงานวิจัยใหม่นี้ก็บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกรุงลอนดอนเริ่มสั่นคลอนแล้ว” ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคชาวอังกฤษชะลอการจับจ่ายใช้สอย และธุรกิจหลายแห่งลังเลที่จะลงทุนในระยะนี้ ทั้งนี้การเคลื่อนไหวระหว่างวันค่าเงินปอนด์เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.3013-1.3105 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ และปิดตลาดที่ระดับ 1.3029/31 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์

 

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขใบอนุญาตสร้างบ้านของสหรัฐ (19/7) ตัวเลขยอดสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐ (19/7)

 

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -0.30/-0.10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.40/1.60 สตางค์/ดอลสหรัฐ