ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว 1,625-1,640 จุด นักลงทุนรอความชัดเจนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ-แผนการกระจายวัคซีนของไทย หวั่นปัญหาวัคซีนไม่ต่อเนื่อง กระทบหุ้นเปิดเมืองและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม แต่ความเสี่ยงตรงจุดนี้จะลดลงหากวัคซีนทางเลือกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3
วันที่ 15 มิถุนายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index จะแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,625-1,640 จุด ระหว่างรอติดตามความชัดเจนของปัจจัยทั้งภายในเรื่องการกระจายวัคซีน และต่างประเทศเรื่องการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ครั้งที่ 4 ของปีที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. 64
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
กลยุทธ์การลงทุน ยังคงกลยุทธ์เดิม “ซื้อเมื่อราคาย่อตัว” หรือ “รอซื้อเมื่อราคาผ่านแนวต้าน” ในหุ้นกลุ่มเปิดเมืองและหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ราคายัง Laggard ในสัดส่วนไม่เกิน 50% ของพอร์ตการลงทุน
โดยการประชุมเฟดครั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองว่าในที่ประชุมจะเริ่มให้น้ำหนักกับการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อมากขึ้น แต่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.00-0.25% และคงวงเงินการซื้อพันธบัตรผ่านมาตรการ QE จำนวน 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนไว้ตามเดิม เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจปรับคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้
ส่วนการทำ QE Tapering อาจจะเริ่มหารือในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. 64 ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกที่นายเจอโรม พาลเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณการทำ QE Tapering ในช่วง ธ.ค. 64 หรือ ม.ค. 65 ก่อนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีถัดไป ทั้งนี้การทำ QE Tapering จะส่งผลเชิงลบทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทค (Tech) ที่พุ่งขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้านี้
ส่วนตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) อีกครั้ง แต่ผลกระทบน่าจะไม่รุนแรง เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หลังการไหลออกของเงินฟันด์โฟลว์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2556
สำหรับปัญหาความโกลาหลในการกระจายวัคซีนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนของไทยลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 100,000 รายต่อวัน แม้ว่าในเบื้องต้นทางฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะยังจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมให้หน่วยฉีดต่าง ๆ ได้เพียงพอแล้วอัตราการฉีดจะสูงขึ้นอีกครั้ง แต่หากในระยะถัดไปวัคซีนต่าง ๆ โดยเฉพาะของ AstraZeneca ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของไทยมีการส่งมอบล่าช้า หรือมีจำนวนน้อยกว่าที่คาด จะทำให้การคุมการระบาดระลอกนี้ล่าช้าออกไป กระทบต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมืองและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม แต่ความเสี่ยงตรงจุดนี้จะลดลงหากวัคซีนทางเลือกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป