ไอแบงก์ลุยพักหนี้ช่วยลูกค้าโดนโควิด ชี้ที่ผ่านมาดูแลกว่า 1.1 หมื่นราย

ธนาคารอิสลาม-1

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เผยผลดำเนินงานช่วยลูกค้าโดนโควิดกระทบแล้ว 1.1 หมื่นราย เป็นวงเงินกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ชี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่อง ทั้งผ่อนปรนชำระหนี้-ปรับปรุงโครงสร้างหนี้

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นายวุฒิชัย สุระรัตน์ชัย กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไอแบงก์ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าและประชาชน ทั้งกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อธุรกิจ ตามมติคณะรัฐมนตรีและตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้รวม 11,871 ราย คิดเป็นเงิน 21,634 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ปัจจุบันมาตรการที่ธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนปรนการชำระหนี้หรือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือการให้สินเชื่อเพิ่มเติมมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

มาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้-พักชำระกำไรพักชำระค่างวดขยายเวลาการชำระหนี้

  • มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ (เริ่มต้น 6 ก.พ. 63 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 64) เป็นมาตรการที่ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้อุปโภคบริโภคและหนี้ธุรกิจที่มีสถานะปกติหรือที่กล่าวถึงเป็นพิเศษหรือเป็นลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (NPF) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562
  • มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมระยะที่ 3 (เริ่มต้น 17 พ.ค. 64 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 64) มาตรการนี้สำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยสินเชื่ออเนกประสงค์แบบมีหลักประกัน/ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อเช่าซื้อที่ไม่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPF) ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563
  • โครงการพักทรัพย์พักหนี้ตาม พ.ร.ก. ให้ความช่วยผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ประกาศราชกิจจานุเบกษา 10 เมษายน 2564 ระยะเวลาโครงการไม่เกิน 2 ปีนับแต่วันที่ พ.ร.ก. มีผลบังคับใช้ธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารไปแล้ว 5 ราย ภาระหนี้รวม 1,515.28 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนออนุมัติ 6 ราย ภาระหนี้รวม 149.13 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 6 ราย ภาระหนี้รวม 3,250.57 ล้านบาท

มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้

  • มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีรวมหนี้คือมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและไม่มีสถานะเป็น NPF ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 และสินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกันกับธนาคาร
  • โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจธุรกิจไทยมั่นคง มาตรการนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจที่มีหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายราย วงเงินรวมกันตั้งแต่ 50-500 ล้านบาท ที่เริ่มเป็น NPFs ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2563 ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้หลายรายให้เกิดผลโดยเร็วซึ่งลูกหนี้และเจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์จากโครงการร่วมกัน

มาตรการให้สินเชื่อเพิ่มเติม

  • มาตรการ Soft Loan ฟื้นฟูธุรกิจ (เริ่มต้น 26 เม.ย. 63 สิ้นสุดตามคำสั่ง ธปท.) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อเดิมของธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับธนาคาร ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ไม่เกิน 500 ล้านบาท หรือลูกค้าสินเชื่อใหม่ที่ไม่มีวงเงินกับสถาบันการเงินใด ๆ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ถือเป็นแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจลดผลกระทบต่อการจ้างงานและฟื้นฟูการประกอบธุรกิจทั้งนี้ไม่รวมถึงการ Refinance

นอกจากการช่วยเหลือลูกค้าแล้วธนาคารยังมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนทั้งในภาคธุรกิจและครัวเรือน มีการให้สินเชื่อใหม่สำหรับพี่น้องมุสลิมและสินเชื่อเพื่อสนับสนุนชายแดนใต้รายย่อย วงเงินไม่เกิน 20 ลบ. จำนวน 1,305 ราย เป็นวงเงินสินเชื่อรวม 1,303 ล้านบาท และให้สินเชื่อใหม่วงเงินไม่เกิน 200,000 บาทต่อรายภายใต้โครงการสินเชื่อเสริมสร้างธุรกิจรายย่อยมุสลิมจำนวน 2,711 รายเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 368 ล้านบาท นายวุฒิชัยกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ลูกค้าและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมมาตรการต่าง ๆ ของธนาคารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ibank Call Center 1302 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ https://www.ibank.co.th/th เลือกผลิตภัณฑ์และบริการเลือกมาตรการช่วยเหลือฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจแล้วเลือกมาตรการที่ต้องการ