เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 14 เดือน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

เงินบาท-หุ้นไทย

เงินบาทอ่อนสุดในรอบเกือบ 14 เดือน ขณะที่หุ้นไทยเผชิญแรงขายจากสถานการณ์โควิด จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ ความคืบหน้าการกระจายวัคซีนโควิด 19

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทอ่อนค่าผ่านแนว 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 14 เดือนที่ 32.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลต่อการควบคุมสถานการณ์โควิดในประเทศ ประกอบกับมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไทยที่บันทึกยอดขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด อาทิ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.

ในวันศุกร์ (2 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 มิ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (5-9 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.90-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 และการฉีดวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี PMI/ ISM ภาคบริการเดือนมิ.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยผันผวน ก่อนจะร่วงลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,578.49 จุด ลดลง 0.26% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78,743.86 ล้านบาท ลดลง 1.53% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.39% มาปิดที่ 505.52 จุด

กรอบการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัด เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐที่เยียวยาลูกจ้างและผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดการทำกิจกรรมบางประเภท แรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มธนาคารก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 และการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ที่ช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยให้ขยับขึ้นในระหว่างสัปดาห์

แต่ก็มีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในประเทศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น แผนการฉีดวัคซีนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายและแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติคอยถ่วงหุ้นไทยตลอดสัปดาห์นี้

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (5-9 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,615 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ตลอดจนความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนโควิด 19 ในประเทศและต่างประเทศ และประเด็นการเมืองภายในประเทศ


ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนมิ.ย. และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของจีน ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ของยูโรโซน