“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เผยตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มอยู่ในขาขึ้นในระยะ 12 เดือนข้างหน้า คงเป้าสิ้นปี 1,650 จุด และมีโอกาสแตะ 1,800 จุดอีกครั้งในปี 65 หากแผนฉีดวัคซีน-เศรษฐกิจฟื้นตัวตามแผน คาดกำไร บจ.ขยายตัว 56% ในปีนี้และ 15% ในปีหน้า เงินทุนจากต่างชาติอาจกลับเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง
วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มอยู่ในขาขึ้นในระยะ 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่จะเข้ามาฉุดให้ตลาดหุ้นไทยกลับตัวเป็นขาลง ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุน ได้แก่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ยังต้องมองไปในระยะยาวในอีก 3 ปีข้างหน้า ในการค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจไทย
2.การฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัว 56% ในปีนี้และ 15% ในปีหน้า
3.อัตราเร่งการฉีดวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้ว 10 ล้านโดสต่อเดือน หากทำได้อย่างต่อเนื่องจะสามารถสร้างแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดี
4.แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหลักในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่ายังต้องวางแผนในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากนี้ และ
5.การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) มองว่าหากแผนการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ในครึ่งปีหลังน่าจะได้เห็นเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนความเสี่ยงหลัก ได้แก่
1.การบริหารจัดการวัคซีนให้ได้ตามแผน
2.ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ และ
3.จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในปีหน้ายังประเมินได้ยาก
ด้านปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลกยังเป็นเพียงภาวะชั่วคราว ไม่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 รวมถึงผลกระทบจากการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยเหลือน้อย
ซึ่งคาดว่าอาจมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นออกมาในช่วงไตรมาส 4 หรือในต้นปี 65 ซึ่งจากเดิมที่ซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงินรวม 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน ก็คาดว่าอาจจะลดลงมาเหลือ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน
ทั้งนี้เป้าหมายตลาดหุ้นไทยคงเป้าสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด และในปี 65 มีโอกาสขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,800 จุด ได้หากแผนการฉีดวัคซีนและการควบคุมสถานการณ์เป็นไปตามแผน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงต้องมีมาตรการในการดูแลสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังจากนี้และในปีหน้า