ดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดจับตาความคืบหน้าร่างปฏิรูปภาษี

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 13 พฤสจิกายน 2560 ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ (13/11) ที่ 33.09/11 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (10/11) ที่ระดับ 33.11/13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10/11) มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือน พ.ย. ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 97.8 จากระดับ 100.7 ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 100.8 นอกจากนี้ตลาดการเงินยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว หลังจากมีรายงานข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 ในขณะเดียวกันรัฐมนตรีคลังของสหรัฐได้เปิดเผยว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่างก็มีเป้าหมายสุดท้ายที่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสภาจะเสนอให้ชะลอเวลาบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ตาม นอกจากนี้การเดินทางเยือน 5 ประเทศเอเชียของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ยังคงเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ โดยทรัมป์ได้เดินทางถึงประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับบรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน โดยในระหว่างที่ทรัมป์เดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์และอาเบะได้ตกลงที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือถึงขั้นสูงสุดเพื่อให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสภาเกาหลีใต้ และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ณ มหาศาลาประชาคม ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.06-33.12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.06/08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรในวันนี้ (13/11) เปิดตลาดที่ระดับ 1.1645/49 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (10/11) ที่ระดับ 1.1656/59 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10/11) สำนักงานสถิติของอิตาลี รายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือน ก.ย. ปรับตัวลดลง 1.3% ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 1.2% และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในขณะที่สำนักงานสถิติฝรั่งเศส เปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 0.2% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1636-1.1669 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 10.1642/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (13/11) เปิดตลาดที่ระดับ 113.64/66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (10/11) ที่ระดับ 113.37/40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต ประจำเดือน ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% ดีกว่าเดือนก่อนหน้า และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.31-113.71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.34/37 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกของจีน (13/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษ (14/11) ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของยุโรป (14/11) ตัวเลขความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนี (7/11) ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (14/11) ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของญี่ปุ่น (14/11) อัตราการว่างงานของอังกฤษ (15/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (15/11) ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐ (15/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.0/-1.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือน ต่างประเทศอยู่ที่ -0.25/-0.75 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ