เปิด 5 บลจ. เม็ดเงินไหลออกกองทุนหุ้นไทยมากสุด

“มอนิ่งสตาร์” เปิดข้อมูล 5 บลจ.ยักษ์ เงินไหลออกสุทธิกองทุนหุ้นไทยครึ่งปีแรกมากสุด “ไทยพาณิชย์-บัวหลวง-กสิกรฯ” ฟากกอง TISCO Strategic A ของ “บลจ.ทิสโก้ฯ” เพียงเจ้าเดียวเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดในรอบครึ่งปีแรกกว่า 1.3 พันล้านบาท และเป็นเพียงกองเดียวที่มีเงินไหลเข้าสูงกว่า 1 พันล้านบาท “ชญานี” นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบจากโควิด-เศรษฐกิจซบเซา แย้มเทรนด์กลุ่มรีท-พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์กำลังจะฟื้นตัวหากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอนิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF RMF SSF) ในช่วงไตรมาส 2 มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.3 แสนล้านบาท ลดลง 2.9% จากไตรมาสแรกแต่ยังสูงกว่าเมื่อเทียบสิ้นปี 63 อยู่ที่ 2% และหากดูในรายกลุ่มจะพบว่ากลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-Cap) ที่เป็นกลุ่มหลักมีมูลค่าทรัพยสินสุทธิลดลง 3.7% จากไตรมาสแรก

ในขณะที่กลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็กมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเติบโตที่ 5.2% ทำให้กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กมีการเติบโตรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 10.4% แต่ในภาพรวมยังเป็นเงินไหลออกที่ 1.5 พันล้านบาท (ในจำนวนนี้เป็นเงินไหลออกสุทธิจากกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ 1.3 พันล้านบาท) และหากมองย้อนกลับไปไตรมาสแรกที่มีเงินไหลออกสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท จะพบว่าเป็นการไหลออกต่อเนื่อง รวมครึ่งปีแรกเป็นเงินไหลออกสุทธิรวมราว 1.4 หมื่นล้านบาท

ในรอบครึ่งปีแรก บลจ.หลายแห่งยังมีเงินไหลออกสุทธิจากกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF RMF SSF) นำโดย

1.บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) มีเงินไหลออกสุทธิ 4.6 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 เป็นเงินไหลออกกว่า 800 ล้านบาท โดยกองทุน SCB SET Index (Acc) มีเงินไหลออกสูงสุดครึ่งปีรวม 1.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีบลจ.ไทยพาณิชย์ ยังคงมีมูลค่าทรัพย์สินสูงสุดที่ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดที่ 17%
2.บลจ.บัวหลวง จำกัด(BBLAM) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากเป็นอันดับ 2 ที่สัดส่วน 15% ของตลาดด้วยมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกมีเงินไหลออกสุทธิเกือบ 3 พันล้านบาท เป็นเงินไหลออกจากกองทุนบัวหลวงทศพลสูงสุดราว 1.5 พันล้านบาทหรือมากที่สุดในรอบครึ่งปีแรก

3.บลจ.กสิกรไทย จำกัด (KAsset) มีเงินไหลออกสุทธิในครึ่งปีแรกรวม 1.3 พันล้านบาท มีมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 2.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 12% ของตลาด รวม 3 บลจ.แรกมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ที่ 44% และ 4.บลจ.กรุงศรี จำกัด (KSEM) และ 5.บลจ.ทหารไทย จำกัด (TMBAM) ทั้งสอง บลจ.ค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณมาณหลักหลายร้อยล้านบาท

ในทางกลับกันกองทุน TISCO Strategic A เป็นกองทุนที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดในรอบครึ่งปีแรก หรือรวม 1.3 พันล้านบาท และเป็นเพียงกองทุนเดียวที่มีเงินไหลเข้าสูงกว่า 1 พันล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิล่าสุดอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท ให้ผลตอบแทนรอบ 1 ปีที่ 52.3% และสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 23%

“มองว่ากองทุนหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบอยู่ค่อนข้างมาก โอกาสในการฟื้นตัวยังมีน้อยเนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวกลับไปเหมือนช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 อาจจะต้องรอไปอีกสักระยะให้ทุกอย่างเริ่มฟื้นตัว อย่างช่วงนี้ที่มีการล็อกดาวน์ก็ทำให้หลายๆ อย่างยังติดขัด กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ก็เงียบลง ส่งผลให้กองทุนหุ้นไทยก็ยังขาดความน่าสนใจ แต่ก็อาจจะมีหุ้นขนาดกลางหรือเล็กบางส่วนที่อยู่ในกลุ่มของเทคโนโลยีที่อาจจะได้รับความสนใจอยู่บ้าง”

นางสาวชญานี กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มของ Property Fund (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) ที่ลงทุนในไทย, ในต่างประเทศหรือทั้งในไทยและต่างประเทศที่เคยติดลบในช่วงปีที่ผ่านมาในปีนี้มีการฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างและหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น กลุ่มของ Property Fund ก็จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจเพราะว่าเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ โดยในช่วงครึ่งปีแรกกลุ่ม Property Fund ที่เป็นการลงทุนในไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้แค่ประมาณ 2% เท่านั้น ในขณะที่ต่างประเทศยังฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องทำให้กลุ่ม Property  Fund ที่เป็นการลงทุนในต่างประเทศผลตอบแทนอยู่ที่ 13%

สะท้อนให้เห็นว่าในบางส่วนที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวเป็นเพราะสถานการณ์ต่าง ๆ ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติแต่หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น การลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว, โรงแรมหรือห้างสรรพสินค้าก็มีโอกาสฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้