สินทรัพย์ดิจิทัล วอลุ่มซื้อขายพุ่ง 200% เปิดบัญชีใหม่ 1.78 แสนบัญชี

BitcoinB

ก.ล.ต. เผยมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกสัปดาห์นี้เเตะ 1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจาก “บิตคอยน์” 45.39% มูลค่าซื้อขายต่อวัน 58.57 พันล้านดอลล์ พบผลตอบแทน “อีเธอร์เรียม” ยังสูงสุด +177.72% แซงหน้า “น้ำมัน-ทองคำ”  มูลค่าซื้อขายในไทยรวม 2.8 หมื่นล้านบาท จำนวนบัญชีผู้ลงทุนทั้งหมด 1,177,937 บัญชี ขณะที่จำนวนบัญชีนักลงทุนรายย่อยในประเทศ เดือน ก.ค. เปิดใหม่ 1.78 แสนบัญชี วอลุ่มซื้อขาย 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% จากสัปดาห์ก่อน

วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล พบว่า สัปดาห์นี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก มีมูลค่าตามมาร์เก็ตแคป (Market cap.) ประมาณ 1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกว่า 45.39% มาจากบิตคอยน์ (Bitcoin)  และมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ 58.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: coinmarketcap 12 ก.ค.64)

โดยนับต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่าสินทรัพย์ดิจิทัลยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับหลักทรัพย์ทองคำและน้ำมัน โดยมูลค่าอีเธอร์เรียม (Ethereum) ยังสูงที่สุดในแอสเสทคลาสอยู่ที่ +177.72% ตามมาด้วย XRP อยู่ +161.45% ในขณะที่มูลค่าน้ำมัน(Oil) อยู่ที่ +52.72% ส่วนทองคำ(Gold) อยู่ที่ -4.87%  และสำหรับบิตคอยน์ (Bitcoin) อยู่ที่ +15.44% แต่ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลก็ยังมีความเสี่ยงและความผันผวนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นไทย (SET INDEX)

ทั้งนี้พบว่าในเดือน ก.ค.64 มูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยรายเดือนอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท  (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค.64) ปรับเพิ่มขึ้นมาจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ขณะที่ในเดือน มิ.ย. 64 มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท และในเดือน พ.ค.64 ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 2.18 แสนล้านบาท และพบว่าตั้งแต่ต้นปี มูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ค่อนข้างกระจายตัว

มีจำนวนบัญชีผู้ลงทุนทั้งหมด 1,177,937 บัญชี(ณ สิ้นเดือน มิ.ย.64) บัญชีนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ 1.78 แสนบัญชี โดยมูลค่าซื้อขายส่วนใหญ่ยังมาจากนักลงทุนรายย่อยภายในประเทศ  มีมูลค่าซื้อขายสัปดาห์นี้อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 200% จากสัปดาห์ก่อนที่มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 7 พันล้านบาท โดยจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนรายย่อยต่างประเทศมียอดขายสุทธิทุกเดือน และนักลงทุนนิติบุคคลต่างประเทศยังเป็นกลุ่มที่มีมูลซื้อขายเฉลี่ยต่อบัญชีสูงที่สุดอยู่ที่  1.67 แสนล้านบาท