“ยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่ปัง คลังโยกงบฯ 1.82 หมื่นล้าน เยียวยาแรงงาน

ยิ่งใช้ยิ่งได้

ตัดงบ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เหลือ 9.8 พันล้าน เพิ่มวงเงินคำนวณสิทธิ e-Voucher เป็น 10,000 บาท/คน/วัน ขยายระยะเวลาใช้จ่ายถึง 30 พฤศจิกายน 2564

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานผ่านระบบ Video Conference ได้อนุมัติให้โยกเงินงบประมาณ “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” วงเงิน 1.82 หมื่นล้าน มาเพิ่มเติมในโครงการเยียวยาแรงงานและผู้ได้รับผลกระทบแทน เนื่องจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ลงทะเบียนเพียง 4 แสนคน จาก 4 ล้านสิทธิ และ ครม.เห็นชอบให้มีการปรับแก้โครงการจากเดิมเป้าหมาย 4 ล้านสิทธิ เหลือไม่เกิน 1.4 ล้านสิทธิ ลดงบประมาณจากเดิม 2.8 หมื่นล้าน เหลือ 9.8 พันล้าน หรือลดลง 1.82 หมื่นล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ดังนี้

1.ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการที่ได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากเดิมระหว่าง 1 ก.ค.-30 ก.ย. 2564 เป็นตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 พ.ย.2564

2.เพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ ไม่เกิน 10,000 บาท/คน/วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-30 พ.ย. โดยยังจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน60,000 บาทต่อคน

3.ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ จากเดิมที่ไม่เกิน 4 ล้านคน เป็น “ไม่เกิน 1.4 ล้านคน” ทำให้กรอบวงเงินโครงการ ลดลงจาก 28,000 ล้านบาท เป็น 9,800 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 18,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะมีการเกลี่ยงบประมาณโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ไปใช้ในโครงการเยียวยาประชาชน และแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด ใน 13 จังหวัด เป็นพื้นสีแดง มีการล็อกดาวน์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายว่า มีการคาดการณ์ว่า จากการประกาศข้อกำหนดของ ศบค.ที่ผ่านมา ซึ่งให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกัน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ของประเทศ เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 20.00 น. และเปิดให้เฉพาะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน รวมทั้งร้านค้าและร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้องปิดชั่วคราว จึงมีผลให้อาจจะมีผู้ใช้สิทธิ์น้อยลง จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงการเพื่อความเหมาะสมด้วย

สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ (1 มิ.ย.) การประชุมครั้งนั้นได้ อนุมัติ 4 โครงการ เพื่อลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ครอบคลุมประชาชนประมาณ 51 ล้านคน ซึ่งจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จำนวน 473,000 ล้านบาท

โครงการยิ่งใช่ยิ่งได้เป็น 1 ในมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศที่ได้รับการเห็นชอบ โดยมีเงื่อนไขเป็นมาตรการช่วยผู้ที่มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะมีการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com โดยผู้ได้รับสิทธิไม่เกิน 4 ล้านคน ที่ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ

โดยจะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) โดยวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

สำหรับสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกต้นเดือนถัดไป โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายเงินเพื่อนำมาคำนวณสิทธิได้ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2564 และใช้ e-Voucher ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-31 ธันวาคม 2564 โดยวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการรวม