คลังหั่นเป้าจีดีพีปี’64 เศรษฐกิจทรุดมีสิทธิโตต่ำแค่ 0.8%

นักท่องเที่ยว
FILE PHOTO : Mladen ANTONOV / AFP

คลังปรับเป้าเศรษฐกิจไทยปี’64 เหลือ 1.3% คาดโตต่ำสุด 0.8% หลังโดนโควิดกระทบ คาดตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเร็วสุดก่อนเดือน ต.ค. 64 ชี้นักท่องเที่ยวต่างชาติหด 95.5% ด้าน “ส่งออก” เป็นเครื่องยนต์หลักพยุงเศรษฐกิจ คาดขยายตัว 16.6%

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 1.3% ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.8-1.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.3% ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด ที่เริ่มต้นในช่วงปลายไตรมาส 2 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งการเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังให้สมติฐานจากการล็อกดาวน์ 1 เดือนนั้น คาดว่าสถานการณ์โควิดจะเพิ่มสูงสุดช่วงกลางเดือน ส.ค.-ก.ย. 64 โดยหน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจหลายฝ่ายก็คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน และมองว่าจะปรับลดลงมาก่อนเดือน ต.ค. 64 หรือก่อนไตรมาส 4 ของปีนี้ อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์แพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าแพร่กระจายได้เร็วกว่าคาดการณ์ สถานการณ์โควิดอาจจะยืดเยื้อออกไปถึงเดือนต.ค.ได้ ทั้งนี้ หากมีการเร่งฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยได้มีการประมาณการการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้านโยบายรัฐและกระทรวงสาธารณสุข

ท่องเที่ยวปีนี้หด คาดต่างชาติเข้าไทย 3 แสนคน ลดลง 95.5%

นางสาวกุลยากล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยในปี 2564 ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ซึ่งสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลของแต่ละประเทศ ทำให้มีการออกข้อจำกัดอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ หรืออนุญาตให้เดินทางตามความจำเป็นเท่านั้น โดยเฉพาะจีน ที่ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศในรูปแบบกลุ่มทัวร์ ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวหลักของไทย จึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพียง 3 แสนคน ลดลง 95.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 สร้างรายได้เข้าประเทศ 2 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 93.5%

อย่างไรก็ตาม ไทยได้ผ่อนคลายเกณฑ์ด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และสมุย พลัส โดยพบว่าตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตามโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์แล้วมากกว่า 1.2 หมื่นคน รวมทั้งมียอดการจองห้องพักตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย. 64 มากกว่า 2.8 แสนคืน จึงคาดว่าช่วงไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 2 แสนคน ภายใต้สมติฐานการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวท้ายปีไปจนถึงปี 2565

ส่งออกหนุนเศรษฐกิจไทย คาดปีนี้โต 16.6%

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออก โดยการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ซึ่งในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวสูงที่ 14.5% ต่อปี ส่งผลให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2564 จะขยายตัวได้ 16.6% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ว่าขยายตัวได้ 11% ต่อปี

“ส่วนการระบาดของโควิดจะกระทบการปิดโรงงาน ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกนั้น มองว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สาธารณสุขจะต้องเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม เนื่องจากขณะนี้การส่งออกเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น การส่งออกอาจจะมีการชะลอตัวลงหรือชะงักงัน ฉะนั้น วัคซีนจะต้องมีการกระจายตัว และโรงงานจะต้องมีการดำเนินต่อไป”

นอกจากนี้ ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจไทย ผ่านการดำเนินมาตรการทางการคลังของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และมาตรการด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐประกอบกับการใช้จ่ายเงินกู้จากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563

โดยในส่วนที่เหลือ และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท (พ.ร.ก. กู้เงินฯ เพิ่มเติม) ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคบรรเทาผลกระทบของภาคธุรกิจและรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 4.2% ต่อปี และ 9.5% ต่อปี ตามลำดับ และจะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 1.0% ต่อปี และ 4.1% ต่อปี ตามลำดับ

คาดปี’65 เศรษฐกิจไทยฟื้น โต 4-5% นักท่องเที่ยวพุ่ง 12 ล้านคน

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วง 4-5% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลงและมีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน12 ล้านคน ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ การจ้างงาน และสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้การใช้จ่ายภายในประเทศจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี

เปิด 4 ปัจจัยเสี่ยง มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ต้องติดตามใกล้ชิด

ทั้งนี้ การประมาณการเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2) ข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 3) ความไม่แน่นอนของตลาดน้ำมันโลก หากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศรุนแรงขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน

และ 4) ทิศทางนโยบายการเงินโลกที่มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นจะส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดีประเทศไทยยังมีฐานะการคลังที่มั่นคงและมีเสถียรภาพทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐประกอบกับนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป