หุ้นไทยลุ้นทดสอบแนวต้านใหญ่ 1,560 จุด รับแรงเก็งกำไรกลุ่มเปิดเมือง

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยมีลุ้นปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านใหญ่ที่ 1,560 จุด รับแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเปิดเมือง เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าอ่อนๆ รับงาน Thailand Focus 2021 ที่รัฐ-เอกชนร่วมกันแสดงศักยภาพของเศรษฐกิจและบริษัทหุ้นไทยให้แก่นักลงทุนสถาบันทั่วโลก คาดเปิดเมือง ก.ย. 64 เริ่ม “กรุงเทพฯ” อาจใช้โมเดล “Bangkok Sandbox” ทยอยเปิดกิจการกิจกรรมจาก ‘เสี่ยงต่ำ-เสี่ยงสูง’ คล้ายกับปีก่อน

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า เช้านี้ดัชนี SET Index มีลุ้นปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านใหญ่ที่ 1,560 จุด แม้ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจน แต่สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศเริ่มทรงตัวสร้างความหวังว่าเดือน ก.ย.64 อาจเปิดเมืองได้อีกครั้ง

ทำให้มีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มเปิดเมืองตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ประกอบกับสัปดาห์นี้มีงาน Thailand Focus 2021 ที่ได้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันแสดงศักยภาพของเศรษฐกิจและบริษัทหุ้นไทยให้แก่นักลงทุนสถาบันทั่วโลก ที่อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยได้อีกครั้ง จึงมีลุ้นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าอ่อนๆ

โดยสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยแม้ทรงตัวมีผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยราว 20,000 รายต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับอัตราการตรวจหาเชื้อประมาณ 50,000 ราย ยังมี Positive Rate ที่สูงถึง 40% และจำนวนผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากแต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มพลิกกลับมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 7 และ 14 วัน สะท้อนว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในระบบเริ่มลดลง

ขณะที่แต่อัตราการฉีดวัคนรายวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 14 วันประมาณ 365,000 โดสต่อวัน ซึ่งหากดำเนินการได้เร็วขึ้นความหวังเปิดเมืองจะกลับมาลุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นในไตรมาส 4 ได้

ทั้งนี้คาดหวังการกลับมาเปิดเมืองในเดือน ก.ย. 64 ที่อาจเริ่มจาก “กรุงเทพฯ” ทางฝ่ายวิจัยมองว่าอาจใช้โมเดล “Bangkok Sandbox” โดยทยอยเปิดกิจการกิจกรรมต่างๆ จากความเสี่ยงต่ำไปความเสี่ยงสูงคล้ายกับปีก่อน และอาจเปิดให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วออกมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เนื่องจากกรุงเทพฯ มีประชากรที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้วถึง 82.1% และส่วนใหญ่เป็นวัคซีน AstraZeneca ด้านต่างจังหวัดส่วนใหญ่ยังฉีดต่ำกว่า 50%

ส่วนการประชุม Fed ประจำปีสัปดาห์นี้น่าจับตาการประชุมประจำปีของ Fed ที่เมือง Jackson Hole ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.64 ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับท่าทีต่อการทำ QE Tapering ของ Fed ที่ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้าย Fund Flow ในระยะต่อไป

โดยติดตามท่าทีประธาน Fed จะมีถ้อยแถลงเรื่องมุมมองเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินในวันที่ 27 ส.ค.64 คาดว่าน่าจะมีท่าทีที่ Hawkish มากขึ้นและอาจส่งสัญญาณการทำ QE Tapering ออกมา ซึ่งทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า Fed น่าจะรอดูข้อมูลการจ้างงานสหรัฐที่แม้เพิ่มขึ้นแต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายก่อนวิกฤต COVID-19 ในช่วงเดือน ก.ย. และ ต.ค. 64 ก่อนจะประกาศทำ QE Tapering อย่างเป็นทางการในการประชุม FOMC เดือน พ.ย.64 และจะเริ่มดำเนินการดั้งแต่ ธ.ค.64 เป็นต้นไป

ขณะที่มุมมองของนักลงทุนทั่วโลกเริ่มคาดการณ์ว่า Fed อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2565 เป็นต้นไป ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นอีก หนุน Fund Flow ไหลออกจากตลาด Emerging Market