กำไรบริษัทจดทะเบียน “ตลาดหุ้นไทย” ครึ่งแรกปี’64 ทำได้ 5.28 แสนล้าน โต 144 %

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานงบการเงินบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย งวดครึ่งแรกปี’64 มีกำไรสุทธิ 528,342 ล้านบาท เติบโต 144.2% จากปีก่อนฐานต่ำ ได้แรงหนุนราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้น-ผู้ประกอบการปรับตัวสู้โควิดดีต่อเนื่อง ฟากกำไรไตรมาส 2 ทำได้ 265,403 ล้านบาท ชะลอลงเล็กน้อยเซ่นพิษโควิดรอบ 3

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์

วันที่ 24 สิงหาคม 2564 นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) จำนวน 738 บริษัท คิดเป็น 97.4% จากทั้งหมด 758 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และงวดสะสม 6 เดือนปี 2564 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งพบว่ามี บจ.รายงานกำไรสุทธิ 566 บริษัท คิดเป็น 76.7% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

กำไร บจ. 6 เดือนแรกปีนี้ แตะ 5.28 แสนล้าน โต 144%

โดยตัวเลข 6 เดือนแรกปีนี้ บจ.มียอดขายรวม 6,075,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) อยู่ที่ 804,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.6% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 528,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

เฉพาะงวดไตรมาส 2/64 ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นรอบ 3 พบว่า บจ.มีผลประกอบการชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 จากที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมียอดขาย 3,119,488 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 408,573 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 265,403 ล้านบาท

บจ.รักษาระดับ “หนี้สินต่อทุน” ลดลง

โดย ณ ไตรมาส 2/64 ฐานะการเงินของ บจ.ไทยมีความระมัดระวังในการดูแลโครงสร้างของทุน ส่งผลอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) หรือ D/E ratio ลดลงมาอยู่ที่ 1.50 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.54 เท่า

อัตราการเปลี่ยนแปลงรายไตรมาส (%QoQ) ไม่รวมหมวด Energy & Petro

ปี 2563 2564
ไตรมาส 1Q 2Q 3Q 4Q 1Q 2Q
ยอดขาย -5 -9 9 4 -1 1
กำไรธุรกิจหลัก 14 -21 25 4 18 -6
กำไรสุทธิ -22 -35 35 5 35 2

 

“ในช่วงครึ่งแรกของปี’64 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ บจ.มีผลประกอบการดีขึ้น และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีผลบวกเกิดขึ้นในบางหมวดธุรกิจ เช่น หมวดขนส่งในธุรกิจเดินเรือ ที่ฟื้นตัวจากความต้องการใช้เรือขนส่งมากขึ้น และจากการแพร่ระบาดส่งผลให้หมวดธุรกิจการแพทย์ที่มีการให้บริการตรวจรับเชื้อและที่พักฟื้นมากขึ้น ทั้งนี้หมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่ค่อนข้างมาก

“ราคาน้ำมัน-สินค้าโภคภัณฑ์” ปรับตัวสูงดันกำไร

ขณะที่ครึ่งแรกปีก่อน บจ.มีผลประกอบการตกต่ำจากปัญหาราคาน้ำมัน และการเริ่มแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี’64 บจ.มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตคือ ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี, เหล็ก, ยางพารา และน้ำมันปาล์ม และผู้ประกอบการสามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากไม่รวมหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ บจ.ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% มีกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้น 32.2% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54.8%” นายแมนพงศ์กล่าว

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า บจ.ไทยในตลาด mai จำนวน 172 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 179 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/64 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 พบ บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 115 บริษัท คิดเป็น 67% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด

นายประพันธ์ เจริญประวัติ
นายประพันธ์ เจริญประวัติ

โดยผลประกอบการไตรมาส 2 เทียบกับไตรมาส 1/64 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% ต้นทุนรวม 33,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.9% มาอยู่ที่ 22.6% มีกำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) อยู่ที่ 2,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3%

บจ.สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.6% เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,657 ล้านบาท ลดลง 24.5% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 5.1% เป็น 3.8% อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวด 6 เดือน ปี 2564 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พบว่ามียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 5,266 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.8%, 62.3% และ 3,882% (ตามลำดับ)

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 286,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปี 2563 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 1.10 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2563

ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 179 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2564) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 507.29 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 374,160 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 5,068 ล้านบาทต่อวัน