ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง จากความกังวลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐที่เพิ่มขึ้น

– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังตลาดคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ อาจสูงถึง 10 ล้านบาร์เรลต่อวันภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ non-OPEC โดยจะมีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวในวันที่ 30 พ.ย. นี้

– ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบกับค่าเงินยูโร หลังเยอรมันไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางด้านการเมืองในยุโรป ซึ่งราคาน้ำมันดิบมักจะสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากตลาดซื้อขายน้ำมันผ่านเงินดอลลาร์เป็นหลัก

+/- คณะกรรมการของรัฐเนแบรสกา ซึ่งเป็นรัฐทางตอนกลางของสหรัฐฯ ได้อนุมัติโครงการขยายท่อส่งน้ำมัน Keystone XL ของบริษัท TransCanada ด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ซึ่งเป็นท่อเชื่อมแหล่งขุดเจาะน้ำมัน oil sand ที่ Alberta ของแคนาดา ไปยังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เส้นทางการเดินท่อที่ได้รับอนุมัติเป็นเส้นทางที่มีค่าใช้จ่ายและมีความยุ่งยากมากกว่าเส้นทางที่บริษัท TransCanada ต้องการ จึงยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบริษัท TransCanada จะตัดสินใจลงทุนโครงการดังกล่าวหรือไม่

+ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้ามีแนวโน้มการขยายตัวแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2561 เป็น 2.5% และปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานลงเหลือ 3.7% ในช่วงสิ้นปี 2561

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากอินโดนีเซียและในภูมิภาคเอเชีย

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยมีอุปสงค์จากศรีลังกา แทนซาเนีย และในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53 – 58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปก เผยว่า โอเปกกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากเหตุการณ์การกวาดล้างคอรัปชั่นภายใต้การนาของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎหราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวนับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil ในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 6.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน