ธ.ก.ส. คาดเดือน ก.ย. ข้าวหอมมะลิราคาเพิ่มขึ้น 5.35% ยางพาราราคาพุ่ง 6.45%

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์-ความต้องการของประเทศคู่ค้า หนุนราคาสินค้าเกษตรเดือน ก.ย. 64 “ข้าวเปลือกหอมมะลิ-ยางพาราแผ่นดิบ-มันสำปะหลัง-ปาล์มน้ำมัน” แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า-ข้าวเปลือกเหนียว-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-สุกร-โคเนื้อ มีแนวโน้มราคาลดลง

ข้าวเปลือกหอมมะลิมีแนวโน้มปรับเพิ่ม ราคาตันละ 10,465 บาท

วันที่ 31 สิงหาคม 2564 นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกันยายน 2564 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 10,075-10,465 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.42-5.35 เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดจากสต็อกข้าวของผู้ประกอบการที่ลดลง ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 49.00-52.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.31-6.45

ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยางพาราในประเทศที่ออกสู่ตลาดลดลง การขาดแคลนแรงงานกรีดยางพารา และภาวะฝนตกชุกในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ ประกอบกับความสามารถในการแข่งขันการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และความต้องการในประเทศคู่ค้าที่เติบโตตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน

อย่างไรก็ตาม สต๊อกยางพาราโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันราคายางพาราในตลาดซื้อขายล่วงหน้าได้ มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.01-2.05 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50-2.50 เนื่องจากปริมาณผลผลิตปรับตัวลดลงเพราะเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยสูงขึ้น และความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

ปาล์มน้ำมันรับอานิสงส์รัฐยืดเวลาโครงการดันส่งออก หนุนราคาพุ่ง 9.8%

ส่วนปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 6.78-7.37 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.04-9.80 เนื่องจากนโยบายภาครัฐขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2564 และราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบของตลาดประเทศมาเลเซียสูงขึ้น และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 126-127 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.80-1.50

เนื่องจากคาดว่าจะเริ่มมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดได้ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2564 ทำให้ร้านอาหารกลับมาเปิดบริการและสามารถเดินทางได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณกุ้งลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้เกษตรกรลดจำนวนและเลื่อนเวลาการปล่อยลูกกุ้ง

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% คาดราคาทรุดลง 4.01%

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,211-7,405 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.36-4.01 เนื่องจากการปรับลดราคาส่งออกข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ อาทิ ประเทศอินเดีย และประเทศเวียดนาม เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโลก และส่งผลกดดันให้ราคาส่งออกข้าวลดลง ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 9,114-9,311 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.69-3.77 เนื่องจากมีการคาดการณ์ผลผลิตข้าวเหนียวนาปีที่จะออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีจะมีปริมาณมากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคมีเท่าเดิม

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.60-7.69 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.40 – 1.50 เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว คาดว่าปริมาณผลผลิตในเดือนนี้จะออกสู่ตลาดประมาณร้อยละ 17.53 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นไม่มากจากการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนอื่น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสัญญาส่งมอบถั่วเหลืองปรับตัวลดลง

อินเดียหนุนส่งออกน้ำตาบ กระทบน้ำตาลทรายดิบไทย คาดราคาลดลง 1.5%

น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 19.49-19.69 เซนต์/ปอนด์ (14.11-14.25 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50-1.50 เนื่องจากมีความชัดเจนว่าประเทศอินเดียจะดำเนินนโยบายอุดหนุนการส่งออกน้ำตาลซึ่งส่งผลกดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลก ประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันในเดือนกันยายนที่คาดว่าจะลดลง ซึ่งจะทำให้ความต้องการเอทานอลปรับลดลง อาจกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของประเทศบราซิลเพิ่มการผลิตน้ำตาลมากกว่าเอทานอล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

โควิดกระทบโรงฆ่าหมูปิด คาดราคาสุกรลด เหลือกิโลละ 67.98 บาท

ขณะที่สุกร ราคาอยู่ที่ 67.26-67.98 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.32-3.31 เนื่องจากโรงฆ่าสุกรบางพื้นที่ถูกระงับการดำเนินงานชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีสุกรเหลือสะสมในฟาร์มสุกรจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการบริโภค และส่งผลให้ราคาสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้น และโคเนื้อ ราคาอยู่ที่ 94.50-95.10 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.05-0.58 เนื่องจากจำนวนโคเนื้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการบริโภคที่ลดลง ส่งผลกดดันราคาซื้อขายโคเนื้อภายในประเทศปรับตัวลดลง