ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง PIN เตรียมขายไอพีโอ 290 ล้านหุ้น

บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN

บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN จ่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังสำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย เตรียมขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ไม่เกิน 290 ล้านหุ้น นำเงินที่ได้ชำระเงินกู้-เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตของรายได้แก่บริษัท

วันที่ 2 กันยายน 2564 นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนนั้น

ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย PIN นำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้มาเสริมความแข็งแกร่งการดำเนินงานจากแผนลงทุนโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป อันจะทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตของรายได้แก่บริษัทได้อย่างมั่นคงต่อไป

นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม พร้อมระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันของผู้ประกอบการในพื้นที่พาณิชยกรรม ภายใต้การดำเนินงานร่วมกันระหว่างบริษัท และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) (นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน) และพัฒนาอาคารโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมบนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park) นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF)

บริษัทมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี จากการเริ่มต้นพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรีจำนวน 200 ไร่ จนปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ที่พัฒนาแล้วกว่า 7,500 ไร่ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา บริษัทได้มุ่งพัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย บริษัทได้รับการรับรองการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานสากล หรือ ISO14001 และ รางวัล Eco-Excellence

“เรามุ่งต่อยอดการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Eco Industrial Town สู่ SMART CITY หรือเมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะ รองรับนโยบายภาครัฐผลักดันเขตเศรษฐกิจ EEC เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ Thailand 4.0 โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยบริหารจัดการภายในโครงการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน” นายพีระกล่าว

ด้านนายพิมล เลิศทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน PIN กล่าวว่า บริษัทมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่ดีจากการเป็นผู้ร่วมพัฒนาและบริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ. และการบริหารโครงการ Logistics Park ทำให้ดึงผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้ามาลงทุนได้และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่ดี โดยรายได้จากการขายและการบริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) อยู่ที่ 888.88 ล้านบาท 789.28 ล้านบาท และ 1,062.85 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 216.43 ล้านบาท 223.70 ล้านบาท และ 403.89 ล้านบาท โดยคาดว่าสัดส่วนของรายได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต

นอกจากนี้ แม้ว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาดูที่ดินและดำเนินการทำสัญญาได้ อันกระทบต่อรายได้จากการขายที่ดินของผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและปรับให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2564 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากจำนวนที่ดินที่ขายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 99.31 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา