StashAway แพลตฟอร์มการลงทุนสิงคโปร์ ลุยตลาดไทย หลัง ก.ล.ต.อนุมัติไลเซ่นส์

บริษัท StashAway หรือ สแทช-อเวย์ แพลตฟอร์มบริหารการลงทุน (Digital Wealth Management Platform) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ โดยมีสินทรัพย์ AUM ภายใต้การบริหาร 3 หมื่นล้านบาทในช่วง 4 ปี เปิดตัวการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกผ่าน ETF บนแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำพร้อมให้บริการแล้วในประเทศไทย หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคลจาก ก.ล.ต. ชูจุดเด่น พอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกตามระดับความเสี่ยง 12 ระดับ

วันที่ 2 กันยายน 2564 บริษัท StashAway ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ที่ประเทศสิงคโปร์และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 4 ปี โดย StashAway ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในกว่า 160 ประเทศทั่วโลกจากการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีบริหารการลงทุนระดับโลกและยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะผ่านช่วงวิกฤตต่าง ๆ เช่น COVID-19

โดยพอร์ตในสิงคโปร์ที่บริหารด้วยกลยุทธ์การลงทุน ERAA สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า Benchmark ที่มีระดับความเสี่ยงที่เท่ากันได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2560 โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ 17.1% ต่อปี (สำหรับพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงสุด) ไปจนถึง 3.8% ต่อปี (สำหรับพอร์ตที่มีความเสี่ยงต่ำสุด) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนกรกฎาคม 2564

ยศกร นิรันดร์วิชย กรรมการผู้จัดการ

ทั้งนี้ StashAway เปิดให้บริการแล้วในสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และ Dubai International Financial Centre ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมทั้งผ่านการระดมทุนมาแล้ว 6 รอบ (Series D) โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Venture Capital ระดับโลกอย่าง Sequoia Capital India, Eight Roads Ventures และ Square Peg โดยในปี 2563 StashAway ได้รับการยอมรับจาก World Economic Forum ในฐานะ Technology Pioneer ที่มีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อการพัฒนาธุรกิจและสังคมของโลก

นายยศกร นิรันดร์วิชย, CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของคนไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศยังมีจำกัด มีความซับซ้อน และมีค่าธรรมเนียมสูง ซึ่งทำให้การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของคนไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยประเทศไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่กระจุกตัวอยู่ในประเทศค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ดังนั้น StashAway จึงอยากเข้ามาช่วยให้นักลงทุนไทยก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ เหล่านี้ โดยการมอบเทคโนโลยีที่ช่วยให้การลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่เติบโตสูง มีการบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรฐกิจ และสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างแท้จริงเพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างยั่งยืน

เพียงเปิดบัญชีผ่านทางแอปพลิเคชั่น นักลงทุนก็สามารถเข้าถึงพอร์ตการลงทุนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคล ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและจบในค่าธรรมเนียมเดียว

นายยศกร ยังกล่าวถึงจุดเด่นของ StashAway เพิ่มเติมว่า บริษัทมีเทคโนโลยี Fractional Shares ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถถือเศษส่วนของหน่วยลงทุน ETF ได้ละเอียดถึง 0.0001 หน่วย ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ ETF และสามารถลงทุนตาม Asset Allocation ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ StashAway ยังมีระบบติดตามและทบทวนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับทุกจังหวะชีวิต เสมือนมีผู้จัดการกองทุนส่วนตัวคอยดูแลตั้งแต่ต้นจนบรรลุเป้าหมายทางการเงินอีกด้วย

นายเฟรดดี้ ลิม ผู้ร่วมก่อตั้งและ Chief Investment Officer ของกลุ่มบริษัท StashAway ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน Cross-asset Investment และมีประสบการณ์บริหารพอร์ตการลงทุนระดับสถาบันในบริษัทชั้นนำอย่าง Morgan Stanley, Citibank และ Nomura มานานกว่า 20 ปี กล่าวเสริมว่า “StashAway ช่วยจัดการกับความซับซ้อนในการบริหารการลงทุนต่างประเทศแทนนักลงทุนได้กลยุทธ์การลงทุนของเราถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์บริหารการลงทุนให้กับสถาบันการเงินระดับโลกมานานกว่า 50 ปี พร้อมทั้งได้ผ่านการทดสอบ Stress Testing มากกว่า 30,000 ชั่วโมง

และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการนำมาผสานเข้ากับเทคโนโลยีจนเกิดเป็นกลยุทธ์การลงทุนอัจฉริยะ ERAA™ ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอเพื่อระบุประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุดและปรับพอร์ตได้อย่างแม่นยำตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมกับการรักษาระดับความเสี่ยงตามที่กำหนดอยู่เสมอ”

StashAway นำเสนอพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกตามระดับความเสี่ยงโดยมีให้เลือกถึง 12 ระดับ ลูกค้าสามารถสร้างพอร์ตได้หลายพอร์ตเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตแบบ General Investing เพื่อลงทุนให้เงินงอกเงยในระยะยาวหรือพอร์ตแบบ Goal-based Investing เพื่อลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินเฉพาะ

ซึ่งมีให้เลือกถึง 8 เป้าหมายและยังสามารถปรับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนได้ตลอดเวลา ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่นเพื่อเริ่มลงทุนกับ StashAway ได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นผ่านทาง App Store และ Play Store