หุ้นใหญ่ขึ้น XD-หุ้นเล็กปรับฐาน ฉุด SET Index ไปต่อยาก

หุ้น

“เอเซีย พลัส” ชี้ตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงจากแรงผลักดัน 3 ปัจจัยลดลง “ฟันด์โฟลว์ชะลอตัวไหลเข้า-แรงผลักหุ้นใหญ่สภาพคล่องต่ำเริ่มชะลอ-แรงผลักเข้าเก็งกำไรรับปันผลระหว่างกาลเริ่มหมด” ส่งผล SET Index ปรับตัวขึ้นจำกัด-มีโอกาสย่อตัว ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,625-1,660 จุด คาด 10 หุ้นใหญ่ขึ้น XD วันนี้กดดัน SET ราว 1.07 จุด

วันที่ 8 กันยายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด รายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่าหลังจากดัชนี SET Index ขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่วานนี้ดัชนีพลิกกลับมาลดลง 11.92 จุด หรือ -0.72% ถือว่าเป็นการลดลงในวันเดียวสูงสุดในรอบ 1 เดือน โดยเบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่า SET Index ยังมีความเสี่ยงจากแรงผลักดัน 3 ปัจจัยเริ่มลดลงดังนี้

1.เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่เริ่มชะลอการไหลเข้าทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย โดยวานนี้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 868 ล้านบาท (ขายติดต่อกันเป็นวันที่ 2) เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ที่ต่างชาติขายสุทธิ 290 ล้านบาท (ขายติดต่อกัน 4 วัน) กดดันให้ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า 1.2% ตั้งแต่ต้นเดือน (mtd) ล่าสุดอยู่ที่ 32.64 บาท/เหรียญ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากนักลงทุนเฝ้าดูพัฒนาการตัวเลขผู้ติดเชื้อหลังมีการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

2.แรงผลักหุ้นใหญ่สภาพคล่องต่ำเริ่มชะลอ หลังถูกขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยตลอด 2 สัปดาห์กว่า ๆ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 97 จุด และเป็นแรงผลักดันจากหุ้นใหญ่สภาพคล่องต่ำเกินกว่า 1 ใน 3 หรือราว ๆ 39 จุด แต่วานนี้เริ่มเห็นการขายทำกำไรออกมาบ้าง อาทิ DELTA -2.4%, SCGP -3.3%, MAKRO -2.9%, BAY -3.9% เป็นต้น

3.แรงผลักจากการเข้ามาเก็งกำไรรับปันผลระหว่างกาลเริ่มหมด โดยข้อมูลล่าสุดหุ้นไทยมีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 218 บริษัท และมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้ว 195 บริษัท เหลือเพียง 23 บริษัทที่ยังไม่ได้ขึ้น XD โดยวันนี้จะมีหุ้นใหญ่ที่ขึ้น XD ถึง 10 บริษัท อาทิ KBANK, BBL, GPSC, OR, BANPU, KKP เป็นต้น จะกดดัน SET Index ราว 1.07 จุด อีกทั้งตามปกติราคาหุ้นส่วนใหญ่หลังขึ้นเครื่องหมาย XD มักจะย่อตัวลง 1-2 สัปดาห์ให้หลังราว -0.2%

“ทั้ง 3 ปัจจัยล้วนส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของ SET Index เริ่มจำกัด และมีโอกาสย่อตัวได้ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ 1,625-1,660 จุด”

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นพื้นฐานที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ADVANC (ราคา Laggard INTUCH), COM7 (ใกล้เปิดตัวสินค้า Apple ใหม่ 14 ก.ย.นี้), TU (ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน และเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยการทยอย Spin-off (บริษัทลูก) เป็น Toppick ในวันนี้

– TU ราคาเป้าหมายที่ 24 บาท บริษัทเตรียม Spin Off บริษัท ITC ซึ่งประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเข้า SET เพื่อขยายโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งใหม่ รองรับการเติบโตในระยะยาว โดยซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูงกว่าธุรกิจหลักของ TU มาก ทั้งในด้านรายได้รวมและอัตราการทำกำไร ขณะที่กำไรสุทธิปี 2564-2565 คาดเพิ่มขึ้น 18.2% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนและ 3.0% จากธุรกิจกุ้ง แซลมอน และ Red Lobster ฟื้นตัว

และทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจนล่าสุดอยู่ที่ 32.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นผลบวกต่อประสิทธิภาพการทำกำไรของ TU โดยราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER ปี 2564 ที่ 13 เท่า คาดหวังอัตราจ่ายเงินปันผลได้กว่า 4% ต่อปี

– COM7 ราคาเป้าหมาย 80 บาท กระแสการเปิดตัว Iphone 13 ยังร้อนแรง โดยคาดเปิดตัววันที่ 14 กันยายนนี้ ขณะที่ราคาหุ้นโซนปัจจุบัน เชื่อว่าเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม โดยเน้นจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว รับประเด็นความเสี่ยงดังกล่าว บวกแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/64 ที่อ่อนตัว เพื่อรอรับโอกาสระยะยาวของ COM7 ทั้งจากจุดเด่นการมีฐานสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และความสามารถในบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกระดับต้น

– ADVANC ราคาเป้าหมาย 220 บาท งวดครึ่งปีหลังของปี’64 คาดเติบโตเล็กน้อยจากครึ่งปีแรก จากบริการมือถือที่เป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น บวกกับความเป็นผู้นำ 5G บวกกลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้วยบริการจากพันธมิตรล่าสุด Disney+ ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าใหม่เพิ่มเติม โดยมูลค่าพื้นฐาน ADVANC ของฝ่ายวิจัยที่ 220 บาท ยังให้อัพไซด์ลงทุนได้อีกเกิน 10% จึงประเมินว่าน่าเข้าลงทุนจากจุดเด่นความ Laggard ของราคาหุ้นในปัจจุบัน ขณะที่มูลค่าทางพื้นฐานปัจจุบันยังไม่รวมถึง Synergy ระยะยาวกับ GULF