นักลงทุนต่างชาติ กลับลำซื้อสุทธิหุ้นไทยเดือน ส.ค. มูลค่า 5,584 ล้านบาท 

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยเดือน ส.ค.64 ต่างชาติกลับลำซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นเดือนแรก เพิ่มขึ้นกว่า 5,584 ล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.7% จากสิ้นเดือน ก.ค. ได้แรงหนุน “โควิดมีแนวโน้มดีขึ้น-ประชุมเฟด-งาน Thailand Focus กระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน”

วันที่ 9 กันยายน 2564 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  จากที่ภาครัฐได้ขยายมาตราการล็อกดาวน์จนถึงสิ้นเดือนส.ค. ทำให้นักวิเคราะห์ได้ปรับลด GDP ในปีนี้ลงและเป็นปัจจัยที่กดดัน SET INDEX ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายและจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนส.ค. ทำให้ผู้ลงทุนเริ่มคลายความกังวล ประกอบกับการจัดงาน Thailand Focus ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนมากขึ้น  อีกทั้งผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (fed) ที่เมืองแจ๊คสัน โฮล เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติยังคงสภาพคล่องการทำ QE  ทำให้บรรยากาศ (Sentiment) ของผู้ลงทุนกลับมาอยู่ในเชิงบวกอีกครั้ง 

ส่งผลให้ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนส.ค. 64 SET Index ปิดที่ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.7% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาช่วง 8 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 13.1% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ

ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนส.ค.64  ของ SET และ mai อยู่ที่ 92,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 8 เดือนแรกปี 64 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 95,886 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณเงินทุนเคลื่อนย้ายของผู้ลงทุนจากต่างชาติกลับเข้าไปยังสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งในภูมิภาคอาเซียน

โดยพบว่าในเดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรกที่ผู้ลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิสูงที่สุดในปี 64  หลังจากมีสถานะขายสุทธิ 7 เดือนต่อเนื่อง ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,584 ล้านบาท ส่งผลให้ 8 เดือนแรกปี 64 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 89,975 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 102,609 ล้านบาท โดยพบว่าผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุนไทย ส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 32.34 บาทต่อดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.63 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยในเดือนส.ค 64 คิดเป็น 44.36%  ของมูลค่าซื้อขายรวม ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.42% 

ขณะที่ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 19.3 เท่า และ 20.2 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.7 เท่า และ 18.2 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ส.ค.64 อยู่ที่ระดับ 2.38% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.35%

ทั้งนี้ตลท.ระบุว่า ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือน ส.ค.64 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 473,152 สัญญา เพิ่มขึ้น 11.8% จากเดือนก่อน และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 64 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 533,152 สัญญา เพิ่มขึ้น 13.4% ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, Gold online futures และ USD Futures เป็นสำคัญ

โดยในเดือน ส.ค.64 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท และ 1 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยใน 8 เดือนแรกปี 64 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN

“ในเดือนส.ค.นับเป็นเดือนที่เริ่มมีการปรับเปลี่ยน จากทั้งปัจจัยภายในที่สถานการณ์โควิดเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น และปัจจัยภายนอกเรื่องของสัญญาณจากเฟดที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ในหุ้นไทยเป็นเดือนแรก ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงครองแชมป์ไอพีโอ (IPO) ในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง “นายศรพล กล่าว