ค่าเงินแข็งค่า จากกระแสเงินไหลเข้า

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.75/76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันอัังคาร (21/11) ที่ระดับ  32.78/80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เนื่องจากมีกระแสเงินไหลเข้าในตลาดตราสารหนี้ โดยวานนี้ (21/11) นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ยอดสุทธิ 13,114 ล้านบาท นอกจากนี้สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม โดยเพิ่มขึ้น 2.0% ขณะที่ผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลดลง 0.9% ในเดือนตุลาคม

ในส่วนความเคลื่อนไหวภายในประเทศ นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ได้อนุญาตให้คนต่างด้าว 14 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเยอรมนี ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 425 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน คนไทย 112 คน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้าน โดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน โดยในเดือนพฤศจิกายน มีจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจากเดือนก่อน 14 ราย คิดเป็น 50% ในขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท คิดเป็น 16% เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายน มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง คือ บริการให้กู้ยืมเงิน และบริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตโพลีออลส์ อย่างไรก็ดี ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มีคนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 262 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 7,102 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 11 เดือนของปีก่อน คนต่างด้าวได้รับอนุญาต จำนวน 319 ราย และมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,481 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ทั้งปี คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 352 ราย และมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 7,443 ล้านบาท ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 32.725-32.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 32.72/73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้ (22/11) เปิดตลาดที่ระดับ 1.1748/50 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (21/11) ที่ระดับ 1.1733/36 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แถลงต่อรัฐสภายุโรปว่า (20/11) แม้เศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว แต่ ECB ยังจำเป็นต้องเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เพื่อกระตุ้นค่าแรงให้สูงขึ้น โดยนายมาริโอ ดรากีกล่าวว่าทาง ECB ได้ทำการสำรวจพบว่า แม้ว่าตลาดแรงงานของยูโรโซนเริ่มฟื้นตัว แต่อัตราค่าแรงก็จำเป็นต้องปรับตัวสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ ECB จึงเล็งเห็นว่า การขยายเวลาการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปในช่วงหลังสิ้นปีนี้ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลักดันเงินเฟ้อให้กลับคืนสู่ระดับที่ยั่งยืน ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 1.1735-1.1773 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.17369/70 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ในส่วนของค่าเงินเยนวันนี้ (22/11) เปิดตลาดที่ระดับ 112.24/25 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (21/11) ที่ระดับ 112.43/44 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนปรับตัวแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อค่าเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศเยอรมนี ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 111.95-112.35 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 112.02/04 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่สำคัญที่ต้องจับตาดูในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์สหรัฐ (22/11) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเยอรมนี ไตรมาส 3 (23/11) ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจฝรั่งเศส เดือนพฤศจิกายน (23/11) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นอียูเดือนพฤศจิกายน (23/11) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเบื้องต้นสหรัฐ เดือนพฤศจิกายน (24/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.25/-1.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.0/-5.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ