เกียรตินาคินภัทรชี้กระแสเซมิคอนดักเตอร์ ดันรีเทิร์นแข็งแกร่งต่อเนื่อง

ทำไมชิปขาดถึงเกิดวิกฤตโลก
Image by bbAAER from Pixabay

บลจ.เกียรตินาคินภัทร มั่นใจหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ มีแนวโน้มเติบโตระยะยาว จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่สินค้าอยู่ในภาวะขาดแคลน คาดปีนี้และปีหน้าอุตสาหกรรมโตชนะตลาด โชว์ผลตอบแทน 8 เดือนแรกที่ระดับ 26.03% ชี้เป็นทางโอกาสลงทุนรับผลตอบแทนระยะยาว

วันที่ 15 กันยายน 2564 นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว โดยจากการคำนวณพบว่ามีอัตราผลตอบแทนนับแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ระดับ 26.03% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมและดัชนีตลาดหุ้นโลกที่ 21.11% และ 14.70% ตามลำดับ

โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้งานตามพัฒนาการของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบคลาวด์ทั้งส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ การขยายและติดตั้งระบบเครือข่ายสัญญาณ 5G และการเริ่มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญ ประกอบกับระดับสินค้าคงคลังของเซมิคอนดักเตอร์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ช่วยสนับสนุนประมาณการกำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

โดยค่าเฉลี่ยประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด (Consensus) ประมาณการกำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ปีนี้และปีหน้าว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 32.04% และ 10.57% ซึ่งสูงกว่าประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิดัชนีหุ้นโลกที่ 20.86% และ 7.09% ตามลำดับ ปัจจุบันหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จึงจัดว่ามีระดับมูลค่าที่น่าสนใจลงทุนแม้ว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาตลอดตั้งแต่ต้นปี

“ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีคือแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจการค้าโลกในปัจจุบันและอนาคต กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาธีมการลงทุนเพิ่มเติมจากพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Port) เพื่อช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ต และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เติบโตตามเทคโนโลยี” นายยุทธพลกล่าว

ด้วยเหตุนี้ เคเคพี เซมิคอนดักเตอร์ เฮดจ์ (KKP SEMICON-H) กองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จดทะเบียนในสหรัฐ ของ บลจ.เกียรตินาคินภัทร ที่ได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ไปเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.-6 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา จึงได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยมียอดจองซื้อทั้งสิ้น 871 ล้านบาท และยังคงมียอดเงินลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังการเสนอขายครั้งแรก โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิจำนวน 1,774 ล้านบาท (เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64) แสดงถึงความตื่นตัวของผู้ลงทุนต่อนวัตกรรมที่เป็นเหมือนสมองของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างเซมิคอนดักเตอร์

ทั้งนี้ กองทุน KKP SEMICON-H มีค่าธรรมเนียมการจัดการ 0.75% ต่อปี และยังได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 โดยผู้ลงทุนสามารถพิจารณาแบ่งสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตได้ตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนในการทยอยเข้าลงทุนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี