เปิดศึก “จำนำทะเบียนรถยนต์” “เงินสดทันใจ” อัดโปรดอกเบี้ยต่ำ 0.59%

รถเก่าและใหม่ ทำประกันภัยพ.ร.บ. ได้
REUTERS/Amit Dave/File Photo

“เงินสดทันใจ” บริษัทร่วมทุน “ออมสิน-ศรีสวัสดิ์ฯ” ขยับรุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ อัดโปรโมชั่นเดือดตลอดเดือน ก.ย. ดอกเบี้ยเริ่มต้นต่ำแค่ 0.59% ต่อเดือน ขณะที่ MTC ขยับดอกเบี้ยจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ขึ้น 1% แตะเบรกแข่งขันดุเดือด ลดผลกระทบกำไร-ผู้ถือหุ้น ฟาก “เงินเทอร์โบ” ชี้เกมแข่งขันหั่นดอกเบี้ยแค่ระยะสั้นหวังดึงลูกค้า

แหล่งข่าวจากวงการสินเชื่อทะเบียนรถ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทเงินสดทันใจที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่างธนาคารออมสินกับ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ได้มีการให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยจัดโปรโมชั่นพิเศษอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.59% ต่อเดือน (คิดดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 12-16% ต่อปี) ภายใต้เงื่อนไขอายุรถต้องไม่เกิน 6 ปี

ขณะเดียวกัน ยังขยายเวลาคิดดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ต่ำพิเศษที่ 0.49% ต่อเดือน ออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้

“อย่างไรก็ดี การให้บริการจำนำทะเบียนรถยนต์ ตอนนี้เข้าใจว่าเป็นช่วงทดลองตลาด โดยจะเห็นมีโปรโมตผ่านสาขาของศรีสวัสดิ์ฯ แต่ยังไม่ได้โปรโมตผ่านสาขาของธนาคารออมสิน โดยลูกค้าที่สนใจต้องไปขอใช้บริการที่สาขาของศรีสวัสดิ์ฯ แต่คาดว่าอีกสักพักทางออมสินน่าจะมีการโปรโมตโปรดักต์นี้ต่อไป ซึ่งดอกเบี้ยต่ำเพราะทางออมสินจะมีเป้าหมายต้องการกดดอกเบี้ยในตลาดลง” แหล่งข่าวกล่าว

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์อีก 1% เป็น 15.9% ต่อปี จากเดิม 14.9% ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการชดเชยรายได้ที่หายไปจากกฎเกณฑ์ข้อบังคับของทางการที่ทยอยออกมาในช่วงที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2564 บริษัทได้ลดดอกเบี้ยลงเฉลี่ยราว 3% จาก 18% เหลือ 15% ซึ่งนักลงทุนและผู้ถือหุ้นมองว่าบริษัทลดดอกเบี้ยลงมากเกินไป

“อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 15.9% ถือเป็นอัตราที่ยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ และลูกค้าไม่ได้รับความเดือดร้อนจากการปรับ ทั้งนี้ เรามองว่าความจำเป็นในการใช้สภาพคล่องยังมีอยู่ ทำให้ MTC ยังคงตั้งเป้าการเติบโตในระดับ 25-30% คิดเป็นยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ราว 2 หมื่นล้านบาท คาดพอร์ตสิ้นปีจะจบอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท” นายชูชาติกล่าว

นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ทั้งระบบในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1-2% ภายหลังจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย

“เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินการธุรกิจนี้ค่อนข้างสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ทำให้การปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาแข่งขันในระดับต่ำเฉลี่ย 12-13% ทำให้ขาดทุนและไม่สามารถทำแคมเปญนี้ได้นาน จึงเห็นการแข่งขันในระยะสั้น เพื่อดึงลูกค้าเท่านั้น” นายสุธัชกล่าว

สำหรับเงินเทอร์โบแม้ว่าไม่ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาแข่งขัน แต่บริษัทจะใช้วิธีลดดอกเบี้ยพิเศษให้กับลูกค้าที่มีวินัยการชำระหนี้ที่ดี จะเสนออัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 14-15% ถือว่าค่อนข้างต่ำ หรือกรณีลูกค้าใหม่แต่มีศักยภาพจะเสนอดอกเบี้ยต่ำใกล้เคียงกัน ส่วนกรณีลูกค้าทั่วไปจะมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตั้งแต่ 19-22% จะเห็นว่าลูกค้าที่มีศักยภาพและทั่วไปที่มีความเสี่ยงจะเสนออัตราดอกเบี้ยห่างราว 10%

“ในช่วงเศรษฐกิจยังไม่ดี ความเสี่ยงลูกค้าเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ลดลง และต้นทุนยังอยู่สูง 10% คิดว่าผู้ประกอบการน่าจะทยอยดอกเบี้ยขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพราะเริ่มเจ็บตัว” นายสุธัชกล่าว

นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) กล่าวว่า ตลาดจำนำทะเบียนจักรยานยนต์มีขนาดใหญ่ 3-5 เท่าของตลาดรถจักรยานยนต์ใหม่ที่มีจำนวน 1.5 ล้านคัน หรือมีขนาดราว 4.5 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าตลาดรถที่สามารถมาทำจำนำทะเบียนได้ราว 7-8 หมื่นล้านบาท และในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนต้องการกู้เงินมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาแข่งขันในตลาดนี้ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเพื่อดึงตลาด แต่จากต้นทุนทางการเงินและนโยบายเรื่องเกณฑ์การกำกับดูแลติดตาม ทำให้รายได้ถูกกระทบจึงต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อชดเชยรายได้

“ตลาดแข่งขันรุนแรงเสนอดอกเบี้ยพิเศษ แต่เมื่อถึงจุดระดับหนึ่งทุกคนจะต้องกลับมาพิจารณาเรื่องราคาใหม่ โชคดีที่เราไม่เน้นหั่นดอกเบี้ยสู้เพราะเราทำจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับพอร์ตรวมที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท และเน้นฐานลูกค้าเก่าเป็นหลัก โดยอัตราดอกเบี้ยคิดตามทางการกำหนดไม่เกิน 24% ต่อปี เพราะเราประเมินสถานการณ์ไปข้างหน้า 2-3 ปีศักยภาพลูกค้ามีกำลังชำระหนี้หรือไม่ ทำให้เรายอมลดขนาดธุรกิจภายใต้ความไม่แน่นอน” นายประพลกล่าว