ก.ล.ต. เพิ่มบทบาทสอบสวนคดี ดึงบิ๊กดาต้าตรวจสอบการทำผิดในตลาดทุน

สำนักงาน ก.ล.ต.

ก.ล.ต. ติดดาบสอบสวนคดีได้เอง เร่งผลักดันแก้กฎหมาย พร้อมดึงระบบ “e-enforcement” ใช้บิ๊กดาต้าเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการทำผิดในตลาดทุน ชี้ให้แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น พร้อมยกระดับการ “คุ้มครองพยาน-บังคับใช้กฎหมาย” ให้มีประสิทธิภาพ-น่าเชื่อถือมากขึ้น

วันที่ 28 กันยายน 2564 น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ได้นำข้อมูล Big data หรือ e-enforcement มาเป็นกลไก เพื่อให้เท่าทันกับ Digital Disruption ซึ่งมีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและจะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้หลักฐานและเอกสารต่าง ๆ รวมถึงพฤติกรรมในอดีตของผู้กระทำผิด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างบ่งชัดมากขึ้น ทั้งนี้ การใช้ e-enforcement จะเข้ามาเสริมให้กระบวนการตรวจสอบ มีความสมบูรณ์แบบ แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น

“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.ล.ต.ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับแก้ไขให้กระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะยกระดับให้สำนักงาน ก.ล.ต.ทำหน้าที่ในการสืบสวนคดีเองได้ รวมทั้ง พ.ร.บ .คุ้มครองพยานด้วย ซึ่งเราคาดหวังว่าเมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับใช้จะทำให้ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และเกิดความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่ง ก.ล.ต.ก็มีความมุ่งมันที่จะพัฒนาและปรับปรุงต่อไปเพื่อให้กลไกเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นายศักดิ์รินทร์ ร่วงรังษี รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ปัจจุบันพันธกิจที่สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง มีอยู่ 3 ส่วนในการที่จะกำกับและพัฒนาตลาดทุนให้น่าเชื่อถืออย่างมีประสิทธภาพและสังคมทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ คือ 1.การทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างเชื่อมั่น 2.ตลาดดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและโปร่งใส และ 3.การจัดการความเสี่ยงในตลาดทุนที่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงการกำกับดูแลตามกฎหมายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานในการที่จะดูแลและสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตัวนักลงทุน บริษัทและกิจการเพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

นายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ได้พัฒนาโครงการ e-enforcement เพื่อช่วยตรวจสอบการกระทำผิดในตลาดทุน ซึ่งมี 3 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ 1.AI-Enforcement ช่วยชี้พฤติกรรมซื้อขายที่ผิดปกติ และระบุช่วงเวลาที่เกิดพฤติกรรม 2.Corporate Surveillance ช่วยตรวจจับความผิดปกติเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน เริ่มใช้งานไตรมาส 2/2564 สิ่งที่จะทำต่อไปคือ เพิ่มตัวคัดกรองข้อมูล non-financial data เพิ่มระบบตรวจสอบความสัมพันธ์บุคคล Implement AI & Machine learning เป้าหมาย ตรวจจับและคัดครองธุรกรรมที่ผิดปกติได้รวดเร็ว พร้อมกับช่วยยับยั้งไม่ให้ความเสียหายลุกลาม ลดระยะเวลาในการทำงาน และลดจำนวนเคสทุจริต

และ 3.E-Link ช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์บุคคลและทางการเงินโดยโครงการดังกล่าว จะเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย ตรวจพฤติกรรมผิดปกติได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ช่วยยับยั้งหรือป้องปรามความเสียหาย ช่วยความสัมพันธ์หรือการมีส่วนร่วมในการกระทำผิดได้รวดเร็ว ช่วยขยายผลและเพิ่มความรัดกุมในการตรวจสอบ ช่วยเพิ่มน้ำหนักพยานหลักฐาน

“ในปี 2565 สำนักงาน ก.ล.ต. มีแผนจะทำเฟส 2 โดยทำระบบตรวจความสัมพันธ์ของบุคคลและนิติบุคคล และ ปี 2566 จะนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Analytic มาใช้ เพื่อคาดการณ์การกระทำผิดจากการทุจริต และตกแต่งงบการเงิน” นายเอนกกล่าว