จิตตะ เวลธ์ เปิดตัว Thematic Optimize ใช้ AI บริหารพอร์ต รับกระแสเมกะเทรนด์

ตลาดหุ้น-1
ภาพ Pixabay

จิตตะ เวลธ์ เปิดตัว “Thematic Optimize” ตัวช่วยบริหารพอร์ตด้วยระบบ AI ครั้งแรกของเมืองไทย คัดเลือกธีมลงทุนตามเมกะเทรนด์ระดับโลก รับกระแสการลงทุนเมกะเทรนด์มาแรง ในยุคที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม

วันที่ 29 กันยายน 2564 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (จิตตะ เวลธ์) กล่าวว่า กระแสการลงทุนในธุรกิจที่เป็นธีมโดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก หรือ Thematic Investment เช่น กลุ่มเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีทางการเงิน, ระบบคลาวด์, หุ้นยนต์ AI, เกมและอีสปอร์ต รวมถึงพลังงานสะอาด หรืออาจจะเป็นธีมที่ลงทุนในเทคโนโลยีของประเทศผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น สหรัฐอเมริกา หรือจีน ที่คาดว่าจะเติบโตมีมูลค่ามหาศาลในอนาคต ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก และกำลังกลายเป็นการลงทุนกระแสหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ซึ่งการลงทุนแบบ Thematic จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผ่าน ETF เพื่อกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือเมกะเทรนด์นั้น ๆ โดยบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์ริแมน แอนด์ โค ได้จัดทำรายงาน “Global ETF Investor Survey” ประจำปี 2564 นำเสนอข้อมูลจากการสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า 80% ของนักลงทุนวางแผนจะเพิ่มการจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุน ETF แบบ Thematic มากขึ้น

สอดคล้องกับรายงานของมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ดังกล่าวกว่า 5.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่สัดส่วนกว่า 51% ของกองทุนเหล่านี้อยู่ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ทั้งนี้ จิตตะ เวลธ์ เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของการลงทุนแบบ Thematic ในตลาดโลก จึงได้เปิดกองทุนส่วนบุคคล Thematic ตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 เป็นการลงทุนในรูปแบบ Thematic DIY ให้นักลงทุนจัดพอร์ตเลือกธีมที่ชื่นชอบ ออกแบบพอร์ตด้วยตนเองและเลือกจับคู่ธีมได้สูงสุดถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว โดยระบบจะเป็นผู้บริหารจัดการ ดูแลปรับพอร์ตให้

ซึ่งปัจจุบันมีธีมการลงทุนให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม มาจากการคัดสรรเลือก Passive ETF ที่น่าลงทุนสูงสุดของแต่ละเมกะเทรนด์ โดยจิตตะ เวลธ์ จะวิเคราะห์คัดกรอง Passive ETF ที่มีมูลค่าสุทธิการลงทุนของธีมเมกะเทรนด์แต่ละธีมที่สูง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ที่ต่ำมาก และมีสภาพคล่องลงทุนได้จริง โดยระบบจะช่วยดูแลเพื่อให้พอร์ตเติบโตไปพร้อม ๆ กับเมกะเทรนด์

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนธีมกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์โลกผ่าน Passive ETF ที่น่าลงทุนที่สุดสำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจได้สะดวกสบายมากขึ้น จัดพอร์ตด้วยธีมเมกะเทรนด์ศักยภาพสูง บริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ เพื่อลดภาระที่นักลงทุนต้องคอยมาศึกษาข้อมูล เลือกและตัดสินใจเอง

จิตตะ เวลธ์ จึงได้เปิดตัว Thematic Optimize ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตของธีมเมกะเทรนด์ต่าง ๆ จากหุ้นในธีมกว่า 2,500 หุ้น  และพิจารณาผลตอบแทนที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยง เพื่อคัดเลือก 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ณ เวลานั้น มาจัดพอร์ตในสัดส่วนเท่า ๆ กัน และคอยดูแลปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุก ๆ 3 เดือน โดยเริ่มต้นลงทุนที่ 100,000 บาท ทั้งนี้ระบบได้พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง สามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี  (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 64)

“Thematic Optimize คือเทคโนโลยีการจัดพอร์ตลงทุนในธีมด้วย AI ล่าสุด ที่ช่วยให้นักลงทุนไทยไม่พลาดการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์โลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า เพียง 0.5% ต่อปี การสร้างนวัตกรรมการลงทุนนี้เป็นความมุ่งมั่นของจิตตะ เวลธ์ ที่มีมาโดยตลอด เพื่อให้นักลงทุนไทยได้มีโอกาสสร้างพอร์ตแกร่งในระยะยาว” นายตราวุทธิ์กล่าว