UBE ซื้อขายวันแรก “ราคาหุ้นต่ำจอง” ผู้บริหารพร้อมชี้แจงโมเดลธุรกิจ

อุบล ไบโอ เอทานอล “UBE” หุ้นไอพีโอน้องใหม่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค เปิดตลาดซื้อขายวันแรก “ต่ำจอง” 5% ด้าน “เดชพนต์ ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ชี้แจงพร้อมกางโมเดลธุรกิจ-แย้มดีลซื้อกิจการ

วันที่ 30 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น UBE ในวันนี้ที่ราคาเปิดตลาดวันแรก อยู่ที่ 2.28 บาท ปรับตัวลดลง 0.12 บาท ต่ำจอง 5% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น และปิดตลาดวันแรกราคาปรับตัวร่วงไปกว่า 14.17% อยู่ที่ราคา 2.06 บาท

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงนั้น มองว่านักลงทุนอาจเห็นชื่อของบริษัทแล้ว มีความเข้าใจว่าบริษัทจะทำแต่สินค้าโภคภัณฑ์หรือเอทานอลอย่างเดียว แต่ปัจจุบันบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอทานอลที่ผลิตเกรดอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถนำมาใช้ในสเปรย์และเจลเแอลกอฮอล์ ซึ่งสอดรับสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างดี

ส่วนแป้งมันสำปะหลัง มีแป้งมันออร์แกนิคที่เป็นสินค้าเติบโตสูง (ฟลาวมันสำปะหลัง) ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็น High Value Product ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น จากเดิมที่ทำธุรกิจกลางน้ำ โดยมีสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ “Tasuko” ที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

“เราอยากให้นักลงทุนได้ศึกษาข้อมูล จะทำให้เห็นว่าบริษัทยังมีการเติบโตที่ดี โดยจากราคาที่นักวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายไว้กว่า 3 บาท ถือว่าจากราคาไอพีโอ ยังมีส่วนต่างอีกพอสมควร” นายเดชพนต์ กล่าว

นายเดชพนต์ กล่าวต่อว่า กลยุทธ์การเติบโตรายได้และกำไร จะเห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 2564 เป็นปีแรกเลย โดยที่รายงานงบการเงินงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้เติบโต 40% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับทั้งปี 63 ไปแล้ว ฉะนั้นช่วงไตรมาส 3-4 เชื่อว่ายังมีผลประกอบที่ดี โดยตั้งเป้าปี 2565 เป็นต้นไป บริษัทคาดหวังการเติบโตในระดับ 20-30% ต่อปี ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้เห็นพัฒนาการของบริษัทต่อไป

ปัจจุบันพอร์ตรายได้ 50% เป็นรายได้จากการส่งออก โดยบริษัทเป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลัง โดยเฉพาะแป้งมันออร์แกนิคอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุด จึงยังมุ่งเน้นการส่งออกต่อเนื่อง เพราะกระแสรักสุขภาพโดยเฉพาะผู้บริโภคสมัยใหม่ทางตะวันตกยังมีความต้องการสินค้าออร์แกนิค และฟลาวมันสำปะหลังจำนวนมาก

และในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจอาหาร(Food) เน้นสุขภาพและสินค้ามีมาร์จิ้นสูงสอดคล้องความต้องการผู้บริโภค หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหาร 70% และเอทานอลเหลือ 30%  นอกจากนี้มองหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ ทั้งร่วมลงทุน(JV) หรือซื้อการ(M&A) โดยเฉพาะการซื้อธุรกิจปลายน้ำ และอาจจะมองหายี่ห้อของสินค้าที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศมาต่อยอดสินค้ากลางน้ำด้วย

 

สำหรับวัตุประสงค์ในการใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ แยกเป็น 1.เงินลงทุนในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบันคือ 1.1.การเพิ่มกำลังการผลิตแป้งฟลาว 200 ตันต่อวัน (เป็น 300 ตันต่อัน) จำนวนเงินมูลค่า 300 ล้านบาท ภายในปี 2565 1.2.การลงทุนสร้างสายการผลิตสารให้ความหวานออร์แกนิค เช่น ไซรัป และมอลโทเดกซ์ทริน กำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน จำนวนเงินมูลค่า 300 ล้านบาท ภายในปี 2565-2566

1.3.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง โดยการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ๆ  เช่น เครื่องโม่มันสำปะหลัง และเครื่องสลัดแป้ง จำนวนเงินมูลค่า 100 ล้านบาท ภายในปี 2565-2566 1.4.การลงทุนขยายกำลังการผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง 40,000 ลิตรต่อวัน ผ่านการทำ De-bottlenecking Capacity จำนวนเงินมูลค่า 50 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 1.5.การลงทุนในโรงสีเชอร์รี่กาแฟและโรงคั่วกาแฟออร์แกนิค จำนวนเงินมูลค่า 100 ล้านบาท ภายในปี 2565

2.เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัท ประกอบด้วย 1.บมจ.อุบลไบโอเอทานอล (ธุรกิจเอทานอล) 2.บมจ.อุบลซันฟลาวเวอร์ (ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง) 3.บมจ.อุบลไบโอเกษตร (ธุรกิจเกษตรอินทรีย์) จำนวนเงินมูลค่ารวม 1,886.8 ล้านบาท ภายในปี 2564-2566