คลังเผย “พักหนี้-ลดดอกเบี้ย” สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ช่วยลูกหนี้กว่า 1.2 หมื่นบัญชี

โกดังพักหนี้-1

คลังรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ชี้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ออกมาตรการพักหนี้-ลดดอกเบี้ย ช่วยลูกหนี้รวมกว่า 12,021 บัญชี เผยภาพรวม NPL เดือน ก.ค. รวมกว่า 35,129 บัญชี มูลค่ากว่า 815 ล้านบาท

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นางสาวสภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 มีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ความร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับลูกหนี้

ประกอบด้วยการลดค่างวด การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การเปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว การพักชำระค่างวด การพักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และการพักชำระเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยจำนวนทั้งสิ้น 358 ราย ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จำนวน 12,021 บัญชี

โดยจังหวัดที่ผู้ประกอบธุรกิจให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (2,567 บัญชี) กรุงเทพมหานคร (1,014 บัญชี) และขอนแก่น (906 บัญชี) และเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 สศค. ได้ออกประกาศ สศค. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 3) ปรับลดค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สำหรับการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ที่ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเรียกเก็บได้จาก 80 บาท/เดือน/ราย ลงเหลือ 50 บาท/เดือน/ราย

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้เรื่องการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการทวงถามหนี้ ลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้อัตราใหม่ดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,004 ราย ใน 75 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (586 ราย) รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง (169 ราย) ภาคเหนือ (131 ราย) ภาคตะวันออก (66 ราย) และภาคใต้ (52 ราย) ตามลำดับ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 952,123 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 14,676.98 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 15,415 บาทต่อบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

(1) สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิทั้งสิ้น 889 ราย ใน 74 จังหวัด และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 860 รายใน 74 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (79 ราย) กรุงเทพมหานคร (69 ราย) และขอนแก่น (51 ราย)

(2) สินเชื่อประเภทพิโกพลัส ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสสะสมสุทธิทั้งสิ้น 160 รายใน 50 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 จังหวัด ได้แก่ นครนายก) และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 144 ราย ใน 45 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ นครราชสีมา (22 ราย) อุดรธานี (10 ราย) อุบลราชธานี และกรุงเทพมหานคร (จังหวัดละ 8 ราย)

(3) ภาพรวมสถานะสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 มียอดสินเชื่อคงค้างจำนวนทั้งสิ้น 228,163บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 4,495.84 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1-3 เดือน สะสมรวมทั้งสิ้น 29,547 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 666.15 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.82 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) สะสมรวมจำนวน 35,129 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 815.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.14 ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายซึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 9,997 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวน 224 ราย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน1599 ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) โทร.025753344