ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสต๊อกน้ำมันดิบ-น้ำมันสำเร็จรูปสหรัฐปรับลดลงเกินคาด

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ค. 60 ปรับลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล ไปสู่ระดับ 490.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลงราว 3.2 ล้านบาร์เรล

+ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง โดยปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ในขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.7 ล้านบาร์เรล

+ นอกจากนี้ รัสเซียยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (โอเปก) ในการพยุงตลาดน้ำมันดิบให้เข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น โดยตัวแทน 6 ท่าน จากประเทศในกลุ่มโอเปกรวมทั้งรัสเซียจะเข้าหารือกันที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 24 ก.ค. นี้

– อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่ากลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนกระทั่งถึงเดือน มี.ค. 61 ก็ตาม แต่อุปทานน้ำมันดิบยังคงปรับเพิ่มขึ้น จากการที่ไนจีเรียและลิเบียซึ่งเป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกได้รับการยกเว้นการปรับลดกำลังการผลิต โดยไนจีเรียประกาศที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไปสู่ระดับ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นปีนี้ และต้องการไปสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 61 รวมทั้งสหรัฐฯ ที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 9.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศอินเดียยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในประเทศอินเดียอ่อนตัวในช่วงฤดูมรสุม ประกอบกับโรงกลั่นในประเทศอินเดียกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งหลังปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ยังมีอุปสงค์จากจีนก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลห้ามทำประมง ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ส.ค. 60

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางการเพิ่มขึ้นเริ่มชะลอตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากความกังวลปัญหาอุปทานล้นตลาด โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 94 แท่นในไตรมาส 2 ชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 137 แท่น

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียและลิเบียมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นต่อเนื่อง โดยไนจีเรียคาดจะกลับมาสามารถส่งออกน้ำมันดิบที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน ในขณะที่ลิเบียปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้

ติดตามการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 24 ก.ค. ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือกำหนดเพดานการผลิตของลิเบียหรือไนจีเรีย เพื่อช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติมหรือไม่