“อาคม” ยังไม่ลดภาษีน้ำมัน ต้องติดตามสถานการณ์ก่อน

อาคม ยังไม่ลดภาษีน้ำมัน ต้องติดตามสถานการณ์ช่วงนี้ก่อน ด้าน “สันติ” รมช.คลัง เผยครม. สั่งหาแนวทางเยียวยาค่าอุปโภคบริโภคประชาชน บรรเทาภาระน้ำมันแพง

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีความจำเป็นต้องลดภาษีน้ำมันสรรพสามิต เพื่อดูแลราคาน้ำมัน โดยจะต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำมันช่วงนี้ก่อน ซึ่งทางกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีงบประมาณอยู่ และกระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของ B7 จาก 1 บาท เหลือเพียง 1 สตางค์เท่านั้น และยังลดค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2564 เป็นต้นไปแล้ว ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 1 บาท

“นโยบายพยุงราคาน้ำต้องไม่ให้เกิน 30 บาท ซึ่งก็มีการลดสูตรดีเซลหลายประเภทให้เหลือ 3 ประเภท เพื่อให้อัตราการชดเชยง่ายขึ้น ส่วนกรณีที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ไหวจะมีการดูเรื่องลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตเลยหรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามสถานการณ์ และกระทรวงพลังงานยังมีหลายทางในการดูแล แต่ยังไม่ได้พูดถึงเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท”

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ต.ค.นี้ ได้กำชับให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาแนวทางช่วยเหลือการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน เช่น การเยียวยาค่าอุปโภคบริโภค เป็นต้น เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ส่วนจะใช้งบประมาณจากส่วนใดนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากงบประมาณที่จะนำมาดูแลมีหลายส่วน ทั้งงบประมาณรายจ่ายงบกลาง, พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท และเงินประจำส่วนราชการ เป็นต้น

ขณะที่ความเป็นไปได้ในการลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตนั้น จะต้องพิจารณาตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน ซึ่งไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์เล็กน้อย แล้วมีการปรับเลย จะต้องมีการพิจารณาก่อน ซึ่งน้ำมันขึ้นมา 3-4 วัน ก็อาจมีการปรับตัวลดลงได้ ซึ่งก็มีสัญญาณเชิงบวกว่า ทั้งโลกเริ่มมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เพราะน้ำมันก็ผลิตเท่าเดิม แต่ความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากโควิดเริ่มคลี่คลาย ซึ่งเชื่อว่าจะมีการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน