SET บวกสลับอ่อนตัว กังวลเฟด-ตัวเลข CPI สหรัฐกดดันตลาด

ตลาดหุ้นไทย
ภาพ : Pixabay

หุ้นไทย (SET) ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,650-1,660 จุด แม้ได้แรงหนุนจากรัฐบาลเตรียมเปิดประเทศและราคาน้ำมันดิบที่ยังสูง แต่ความกังวลเฟดรวมถึงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่สูงกว่าคาดเป็นตัวกดดันดัชนีให้สลับอ่อนตัว

วันที่ 14 ตุลาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี หรือ บล.กรุงศรี คาดดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,650-1,660 จุด ตามแรงหนุนรัฐบาลเตรียมเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. รับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว แต่มีเงื่อนไขการฉีดวัคซีนและจำกัดจำนวนประเทศ รวมถึงราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. สหรัฐที่สูงกว่าคาดและ Fed minute มีความเห็นว่าควรลดการใช้ QE ภายในปีนี้จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

สำหรับปัจจัยวันนี้ สหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 5.4% เทียบกับเดือน ส.ค.อยู่ที่ 5.3% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4% บ่งชี้ได้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐไม่ได้พุ่งขึ้นแรงอย่างที่ตลาดกังวล ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 1.55% จาก 1.61% ในวันก่อนหน้าเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น

ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ World GDP ของปีนี้เป็น 5.9% จากเดิมคาดโต 6% จากการลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐลงเป็น 6% จากเดิม 7% เพราะกังวลความขัดแย้งของสภาคองเกรสในการผ่านร่างกฏหมายการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานที่ค่อนข้างล่าช้า นอกจากนี้ IMF ยังเป็นห่วงปัญหาเรื่องห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ของโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดและการขาดแคลนพลังงานในหลายประเทศ

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 20 เซนต์ (-0.3%) ปิดที่ระดับ 80.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่ม 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิม 5.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าปัจจัยนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบจำกัด เนื่องจากโอเปกปรับคาดการณ์ให้สะท้อนกับดีมานในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ บล.กรุงศรีแนะนำหุ้นน่าจับตาวันนี้ ได้แก่ BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 9.75 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาที่ 14 บาทต่อหุ้น เนื่องจากราคายัง Laggard ระยะสั้นมี บรรยากาศ (Sentiment) บวกจากธีมเปิดเมือง ขณะเดียวกันยังมีข่าวเตรียมประมูลงานก่อสร้างและเดินรถไฟฟ้าให้เก็งกำไร อาทิ ส่วนต่อขยายสายสีแดง และ สายสีส้มที่กำลังจะกลับมาประมูลใหม่

และอีกตัวคือ MAJOR หรือ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 22.7 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาที่ 28 บาทต่อหุ้น ได้อานิสงส์รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ โรงหนังกลับมาเปิดฉายได้ ขณะที่ MAJOR มีหนังฟอร์มยักษ์จ่อคิวเข้าฉาย Fast & Furious 9, Black Widow, และ Spider Man นอกจากนี้มีลุ้นนำเงินกำไรจากการขายหุ้น SF แบ่งจ่ายเงินปันผลประมาณ 1 บาท/หุ้นให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) 5%