คาดอีก 6 เดือน เริ่มใช้บล็อกเชนออกใบค้ำประกัน สุดสะดวกวันเดียวจบ

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ธนาคารกสิกรไทยจัดงานสัมมนา “Blockchain เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยนางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมทดสอบอยู่ในศูนย์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโยลีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน (เรกูลาทอรี่ แซนด์บ็อกซ์) จำนวน 4 ราย โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นรายแรกที่ได้เข้ามาทดสอบเป็นบริการหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบว่ามีประโยชน์อย่างไร มีความเสี่ยงหรือปัญหาระหว่างดำเนินการหรือไม่ เป็นต้น คาดว่าสามารถนำออกมาให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 6 เดือน ส่วนกรณีการออกเกณฑ์กำกับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต) ใหม่ นั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการ และ ธปท.จะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าในสัปดาห์หน้า

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปี 2560 คาดว่าจะมีการออกหนังสือค้ำประกันผ่านธนาคารพาณิชย์มูลค่ารวมกว่า 1.35 ล้านล้านบาท เติบโต 8% จากปี 2559 ที่มีมูลค่า 1.20 ล้านล้านบาท จำนวนนี้ธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาดราว 25% หรือมูลค่า 3.30 แสนล้านบาท ปัจจุบันการออกหนังสือค้ำประกันของธนาคารผ่านช่องทางสาขา 80% และผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 20% ตั้งเป้าหมายว่าในสิ้นปี 2561 จะสามารถเพิ่มสัดส่วนบริการอิเล็กทรอนิกส์เป็น 35% ผ่านช่องทางสาขาราว 60% และผ่านระบบบล็อกเชนราว 5% ซึ่งขณะนี้บริการหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนอยู่ระหว่างการทดสอบในแซนด์บ็อกซ์ มีพันธมิตร 4 แห่งที่เข้าร่วมทดลองใช้บริการ ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งบริการนี้มีความปลอดภัยสูง จัดเก็บข้อมูลขึ้นบนระบบบล็อกเชนสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา ลดเวลาขั้นตอนด้านเอกสารจาก 24 ชั่วโมง เหลือเพียง 30 นาที ทำให้ลดต้นทุนและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการจัดการเอกสารลง 2 เท่า เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ภาคธุรกิจให้จัดการเอกสารได้รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งยังเป็นข้อมูลรวมศูนย์ ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจโดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านฐานข้อมูลที่มีมาตรฐานร่วมกันสามารถเชื่อมต่อเพื่อต่อยอดได้ในอนาคต

นายณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการนำเข้าจะส่งออก ทำให้ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน ปัจจุบันมีคู่ค้าที่ใช้หนังสือค้ำประกันอยู่ราว 200-300 แห่ง คิดเป็นมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นการออกหนังสือค้ำประกันโดยธนาคารกสิกรไทยราว 50% ซึ่งบริษัทได้เริ่มใช้หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้มีการใช้หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้วประมาณ 40 แห่ง มูลค่าราว 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเมื่อหมดอายุสัญญาจะทยอยย้ายมาอยู่บนบล็อกเชนทั้งหมด ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในบริการนี้ เพราะการใช้เอกสารมีความยุ่งยากและใช้เวลา หรือหากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์อาจจะถูกภัยไซเบอร์แฮกข้อมมูลได้ ซึ่งบริการนี้มีความปลอดภัยสูงแฮกข้อมูลได้ยาก นอกจากนี้ หากมีพัฒนาต่อยอดนำบล็อกเชนไปให้บริการอื่นๆ จะสามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์