อาคมชี้ออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม ต้องดูสถานการณ์-ความจำเป็นในการใช้

รมว.คลังชี้ออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม ต้องดูสถานการณ์-ความจำเป็นใช้เงิน แจง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ยังมีวงเงินใช้ตามแผนได้ พร้อมพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี เผยเปิดประเทศหนุนท่องเที่ยวไตรมาส 4

วันที่ 29 ตุลาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มีวงเงินคงเหลือ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2565 นั้น พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ยังมีวงเงินที่สามารถใช้ตามกรอบแผนงานได้ ส่วนจะต้องมีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาตามสถานการณ์และต้องดูความต้องการในการใช้เงินด้วย

“ต้องพิจารณาตามความต้องการใช้เงินด้านการแพทย์ สาธารณสุข เยียวยา และฟื้นฟู มีความต้องการอย่างไร แต่ตอนนี้งบฯในส่วนของการฟื้นฟูก็ยังมีวงเงินอยู่ ก็ต้องติดตามสถานการณ์และความจำเป็น”

ขณะที่มาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนการเปิดประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 อย่างไรนั้น มองว่าการท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงการเปิดรับชาวต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นการคลายล็อกดาวน์ให้กับคนไทยสามารถเดินทางข้ามจังหวัดออกไปเที่ยวได้ด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ทั้งนี้ ได้รายงานว่าชาวต่างชาติได้มีการจองเที่ยวบินเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อมีการเปิดประเทศแล้วก็จะดำเนินมาตรการป้องกันโควิดเพื่อดูแลการแพร่ระบาดด้วย

อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด รัฐก็ได้มีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะคนละครึ่ง ซึ่งในช่วงเฟส 1 และ 2 ประชาชนนำเงินออกมาใช้จ่ายมากกว่าภาครัฐสมทบให้ แม้แต่ละเฟสจะมีวงเงินสมทบแตกต่างกัน แต่การใช้จ่ายของประชาชนมีสัดส่วนใช้เงินมากกว่ารัฐสมทบ 51 ต่อ 49 โดยช่วงที่เปิดประเทศไม่ได้ การบริโภคในประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังช่วยบรรเทาภาระประชาชน รวมทั้งช่วยให้ร้านค้ารายเล็ก โชห่วยมีรายได้ด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ จะเป็นวันออมแห่งชาติ ซึ่งในส่วนของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ก็มีแนวทางส่งเสริมการออมด้วยการจูงใจผ่าน 3 ด้าน ได้แก่ 1.มีเม็ดเงินจากภาครัฐสมทบให้ และผู้ออมก็ไม่ได้ใช้เงินมาก ระยะเวลา 1 ปี ส่งเงินเข้ากองทุนไม่เกิน 3,200 บาท 2.สิทธิประโยชน์ในด้านภาษี และ 3.ผลตอบแทน