กสิกรไทย ควัก 320 ล้าน แจกพนักงานคนละ 10,000 บาท กำลังใจสู้โควิด

แจกพนักงานกสิกรคนละ 1 หมื่น

ธนาคารกสิกรไทย ทุ่มกว่า 320 ล้านบาท แจกพนักงานกว่า 32,000 คน คนละ 10,000 บาท เป็นกำลังใจสู้ภัยโควิด จ่าย 25 พ.ย.นี้

วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ธนาคารกสิกรไทย แจ้งพนักงานว่า ทางธนาคารฯจะช่วยเหลือและส่งกำลังใจให้แก่พนักงานทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ทั้งพนักงานที่อยู่แนวหน้าต้องสัมผัสใกล้ชิดในการให้บริการลูกค้า หรืออยู่ในส่วนสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังเพื่อร่วมช่วยบริหารจัดการให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้เป็นปกติ

ธนาคารจึงเห็นสมควรมอบเงินพิเศษที่เรียกว่า “เงินช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังใจสู้ภัยโควิด” จำนวนเงินคนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่พนักงานทุกคนของธนาคารกสิกรไทย บริษัทของธนาคาร (K-Companies, กลุ่มบริษัท KBTG) และบริษัทให้บริการสนับสนุนงานแก่ธนาคาร (P-Companies) ที่มีสถานภาพเป็นพนักงานอยู่ ณ วันที่จ่ายเงิน ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทย บริษัทของธนาคาร (K-Companies, กลุ่มบริษัท KBTG) และบริษัทให้บริการสนับสนุนงานแก่ธนาคาร (P-Companies) มีพนักงานรวมกันทั้งหมด 32,668 คน

ก่อนหน้านี้ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 ปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 8,631 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 263 ล้านบาท หรือ 2.96% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,024 ล้านบาท หรือ 3.45%

หลัก ๆ จากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.23% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 1,936 ล้านบาท หรือ 17.38% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงินซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด

ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 28,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 11,922 ล้านบาท หรือ 73.47% หลัก ๆ เกิดจากในงวด 9 เดือน ปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) ลดลง 28.28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งงวด 9 เดือนของปีก่อนธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูงเป็นจำนวนถึง 42,879 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากสถานการณ์โควิด-19 อันเป็นวิกฤติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน รวมถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด