เช็กภาวะหุ้นไทยสัปดาห์หน้า เด้งรับเปิดประเทศ-กังวลเฟดลดคิวอี

หุ้นไทย-set

บล.ฟิลลิป ชี้ภาวะหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ตลาดเด้งรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.-กังวลเฟดลดคิวอี ดัชนีแกว่งตัว 1,600-1,650 จุด โอกาสทยอยสะสมบริเวณแนวรับ แนะนำ “ADVANC-CRC” ประเมิน QE กระทบตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไม่รุนแรงเท่าปี 56 เหตุสัดส่วนถือครองหุ้นไทยของต่างชาติเหลือเพียง 26% ของมูลค่าตลาดรวม หากดำเนินเปิดประเทศสำเร็จการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการจะกระตุ้น GDP ไทยปี 64 ขยายตัวได้อย่างน้อยราว 0.8-1%

วันที่ 31 ตุลาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า(1-5 พ.ย.64) ว่า คาดดัชนี SET Index แกว่งตัวอิงทางลงในกรอบระหว่าง 1,600-1,650 จุด โดยอาจปรับตัวลงตอบรับปัจจัยภายนอกที่ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ประกาศทำ QE Tapering แต่จะได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศ 1 พ.ย.64 จึงมองว่าเป็นโอกาสทยอยสะสมที่บริเวณแนวรับ เพื่อเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว 

ทั้งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำที่รับวัคซีนครบโดสแล้วให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว นับว่าเป็นความท้าทายและความหวังในเวลาเดียวกัน เนื่องจากหลายประเทศที่ใช้นโยบายอยู่ร่วมกับ Covid-19 แล้วเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น แต่หากฉีดวัคซีนครบโดสเกิน 70% ของพื้นที่แล้ว อัตราการป่วยหรือเสียชีวิตจะลดลง ทำให้สามารถดำเนินมาตรการต่อไปได้ ไม่ต้องกลับมาล็อกดาวน์ 

และหากดำเนินการสำเร็จไปยังเฟสถัดไปได้ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการจะกระตุ้น GDP ไทยปี 64 ขยายตัวได้อย่างน้อยราว 0.8-1% 

ทั้งนี้ต้องรอดูการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยหรือไม่เนื่องจากต้นทางมาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุขและการเดินทางเข้าออก 

สำหรับการประชุม FOMC ของ FED ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย.64 ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม แต่คาดว่า FED จะประกาศทำ QE Tapering อย่างเป็นทางการเดือนละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ จนถึงช่วงกลางปีหน้า จากสถิติการทำ QE ในปี 56 โดยผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้น EM น้อยกว่าฝั่ง DM 

แต่ในครั้งนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไม่รุนแรงเท่า เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติเหลือเพียง 26% ของมูลค่าตลาดรวม จากระดับ 33% เมื่อปี 56 แต่ทั้งนี้ต้องรอดูทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของ FED หลังจากที่นักลงทุนเริ่มประเมินว่าภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวรุนแรงกว่าคาด FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีหน้าช่วง ก.ค.และ ธ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 0.5-0.75% ส่งผลให้ทางเงินลงทุนต่างชาติไหล่ออกจากตลาดหุ้น EM ได้ 

สำหรับประเด็นสำคัญอื่น 1.ติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 กลุ่มสื่อสาร 2.การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) 3.การประชุมโอเปก 4.ประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐและจีน 5.ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ 

แนะนำหุ้น ADVANC เป็นหุ้นปลอดภัยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากการประชุมเฟดเดือน พ.ย. คาดได้ประโยชน์ในอนาคตจากร่วมมือระหว่าง GULF และ INTUCH 

และหุ้น CRC ได้ประโยชน์จากเปิดประเทศ 1 พ.ย. และ ศบค. ปรับลดจังหวัดจำนวนพื้นที่สีแดงเข้ม