BE8 “หุ้นเทคน้องใหม่” เทรด Mai วันแรกราคาพุ่ง 26.00 บาท เหนือจอง 160%

บมจ.เบริล 8 พลัส  หรือ BE8 เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  ราคาหุ้นอยู่ที่ 26.00 บาท  เพิ่มขึ้น 16 บาท ราคาเหนือจอง 160% จากราคาไอพีโอ (IPO) ที่ 10.00 บาท นำเงินขยายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายสาขาต่างประเทศ ลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้เป็นวันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดเทคโนโลยี  ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 26.00  บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16 บาท หรือคิดเป็น 160% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 10.00 บาทต่อหุ้น

BE8 เป็นปรึกษาด้าน Digital Transformation ให้บริการแบบครบวงจรในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM), การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับระบบ CRM ที่ใช้ซอฟต์แวร์ Salesforce และเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft และ Tableau

ปัจจุบัน BE8 มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยบริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 80,689,600 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 0.50 บาท โดยมีอัตราส่วนการจองซื้อ 0.86 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเท่ากับ 75,000,000 บาท

สำหรับวัตุประสงค์การใช้เงินหลังระดมทุน รวมทั้งสิ้นประมาณ 480.77 ล้านบาท  มีรายละเอียดดังนี้

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นำขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation ในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยวางแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศภายใต้งบฯลงทุน 25 ล้านบาท ซึ่งในปี 2562 ได้เริ่มทำการตลาดและขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม จากการจัดตั้ง บริษัท เบริล 8 พลัส เวียดนาม จำกัด  ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดและภาคธุรกิจเริ่มใช้ Digital Transformation เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน

พร้อมทั้งจะพิจารณาขยายการลงทุนสู่ประเทศอื่น ๆ ต่อเนื่องในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำการให้บริการ Digital Transformation และการติดตั้งระบบ Customer Relationship Management  ในภูมิภาคอาเซียน


รวมทั้งมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของลูกค้าภายในระยะเวลาที่เร็วขึ้น อีกทั้งยังเอื้อประโยชน์ต่อต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งจะผลักดันรายได้จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น