ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่าภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564
ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/11) ที่ระดับ 33.10/12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (5/11) ที่ระดับ 33.32/34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ หลังจากที่นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือน ต.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือน ก.ย.
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.4% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 101.96 เพิ่มขึ้น 2.38% จากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 64) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.99% สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ 100.59 เพิ่มขึ้น 0.21% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 10 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.23%
โดยนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการ สนค. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค. 64 เป็นการสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก ประกอบกับสินค้าในกลุ่มอาหารสดบางชนิด โดยเฉพาะผักสด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ และไข่ไก่ราคายังคงอย่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.03-33.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.04/06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/11) ที่ระดับ 1.1556/60 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (5/11) ที่ระดับ 1.1557/61 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ขณะที่นายลูอิส เด กินโดส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนน่าจะปรับตัวลดลงในปีหน้า เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อนั้นส่งผลเพียงชั่วคราว แต่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างช้า ๆ รองประธาน ECB มองว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างแน่นอนในปี 2565 แต่อาจไม่ได้ปรับตัวลดลงรุนแรงอย่างที่คาดไว้
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศยูโรโซนนั้นเกิน 4% ในเดือน ต.ค. ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2% ถึง 2 เท่า และจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากราคาพลังงานและค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นภาษีบางส่วน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1555-1.1579 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1571/73 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/11) ที่ระดับ 113.56/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (5/11) ที่ระดับ 113.77/80 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการแสดงความเห็นของกรรมการ BOJ ในการประชุมประจำเดือน ต.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการ BOJ เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ เนื่องจากเงินเฟ้อปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและการเติบโตของค่าจ้างยังคงอ่อนแรง
ทั้งนี้ ภาวะติดขัดด้านอุปทานและต้นทุนสินค้าที่ปรับสูงขึ้นทั่วโลก ผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นทั่วโลก ซึ่งกระตุ้นให้ธนาคารกลางบางแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือพิจารณายกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าต้นทุนพลังงานและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นผลักดันให้ราคาสูงขึ้นในญี่ปุ่น แต่เงินเฟ้อในประเทศยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของ BOJ เนื่องจากการบริโภคอันอ่อนแอได้ขัดขวางบริษัทต่าง ๆ จากการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังภาคครัวเรือน ในระหว่างวันค่าเงินเยน เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.29-113.66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.48/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค.ของสหรัฐ (9/11), อัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค.ของสหรัฐ (10/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (10/11), ตัวเลขอัตราการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน พ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐ (12/11)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนนประเทศอยู่ที่ +1.00/+1.05 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +3.00/+3.80 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ