โกลเบล็ก คัด 8 หุ้นเด่น รับเปิดประเทศ-ท่องเที่ยวฟื้นตัว

หุ้น

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway รับอานิสงส์ผลทดลอง ”แพ็กซ์โลวิด” ยาเม็ดรักษาโควิด-19 ของไฟเซอร์ รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดลงต่อเนื่อง จึงให้กรอบดัชนี 1600-1,650 จุด พร้อมแนะนำลงทุน 8 หุ้นเด่น รับประโยชน์จากเปิดประเทศและท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ด้านทองคำยังเคลื่อนไหว Sideway up ให้ไว้ที่ 1,800-1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในไทยสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway โดยมีแรงหนุนจากการผลการทดลองยาเม็ดต้านโควิด-19 “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ผลเกือบ 90% หรือสูงกว่ายา “โมลนูพิราเวียร์” ของเมอร์คที่มีประสิทธิภาพ 50%

วิลาสินี บุญมาสูงทรง
วิลาสินี บุญมาสูงทรง

จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ทางไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศเตรียมมอบสิทธิบัตรการผลิตยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) เพื่อใช้สำหรับการรักษาโรคโควิด-19 ให้กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยากจนได้สามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้รวดเร็วมากขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

อีกทั้งนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ซึ่งภาพรวมเป็นที่ทราบกันดีว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลง และถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ หลาย ๆ ประเทศต้องมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง

ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. สูงกว่าคาดที่ 450,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ 4.6% ต่ำกว่าคาดที่ 4.7% และการรายงานยอดส่งออกเดือน ต.ค. ของจีนพุ่งขึ้น 27.1% YoY แม้ชะลอจาก 28.1% ของเดือน ก.ย. แต่สูงกว่าคาดที่ 24.5% และมียอดเกินดุลการค้า 8.454 หมื่นล้านดอลลาร์สูงกว่าเดือน ก.ย. และมากกว่าคาด

ขณะที่ยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐแตะ 4.075 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ย. ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กดดันสงครามการค้า จึงทำให้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1600-1,650 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาในเดือนนี้ ได้แก่

  • ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 7/2564
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
  • การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.กระบี่
  • สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/64 การประกาศงบการเงินงวด 3Q64
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่

  • อียูรายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
  • สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือน ต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค.
  • จีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค.
  • สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน ก.ย. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว 8 ตัว อาทิ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV และ BA หลังจากเปิดประเทศได้เพียง 9 วันกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมสามารถรองรับลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เปิดกิจการตามปกติแล้ว 67% เพิ่มขึ้นจากที่เปิด 51% ในเดือน ก.ย. จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่ายังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากตลาดมีปัญหา supply shortages เป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้

ฉะนั้นเมื่อตลาดรับข่าวการปรับลดวงเงิน QE ไปบ้างแล้ว ทองคำย่อตัวลงไม่มากนัก อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะถัดไป ซึ่งทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและสามารถป้องกันความเสี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่า ฝ่ายวิจัยคาดราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway up โดยประเมินกรอบในสัปดาห์นี้ 1,800-1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำหาจังหวะยาว (Long) เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้แนวรับ