ธปท. เผยเงินกองทุน-สภาพคล่องแบงก์แกร่ง หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

ธปท. เผยผลดำเนินงานแบงก์ไตรมาสที่ 3/64 ยันเงินกองทุน-สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง พร้อมเป็นกลไกสำคัญฟื้นตัวเศรษฐกิจ ด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.85 หมื่นล้านบาท หลังลดค่าใช้จ่าย-กันสำรองลดเหลือ 1.43 แสนล้านบาท จากปีก่อน 2.3 แสนล้านบาท ด้านสินเชื่อขยายตัว 5.6% หนี้เสียขยับเพิ่มเป็น 3.14%

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2564 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็งโดยมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3.02 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 19.9% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 8.72 แสนล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 155.0% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 186.8%

ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 3.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 45.1% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายกันสำรองที่ลดลงจากการกันสำรองในระดับสูง ในปีก่อนที่อยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท จากปีนี้เฉลี่ยตั้งสำรองอยู่ที่ไตรมาสละ 5 หมื่นล้านรวม รวม 9 เดือนธนาคารตั้งสำรองไปแล้วกว่า 1.43 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย

ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิลดลงจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของรายได้เงินปันผล ที่ลดลงจากฐานเงินปันผลที่สูงในไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.69% จากไตรมาสก่อนที่ 1.09% ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ทรงตัวอยู่ที่ 2.47%

“ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ระบบธนาคารยังคงมีความเข้มแข็งดูจากเงินกองทุน สภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนระบบธนาคารพาณิชย์สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และสนับสนุนความต้องการสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป”

นางสาวสุวรรณี กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2564 ขยายตัวที่ 5.6% อยู่ที่ 7.8 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.7% ทั้งนี้ สินเชื่อยังคงขยายตัวต่อเนื่องแม้หักผลของสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐและมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ในเกือบทุกประเภทธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐ สะท้อนความต้องการเงินทุนของภาคธุรกิจภายหลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการเปิดประเทศ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs ขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ

ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวที่ 4.2% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 5.7% โดยสินเชื่อรถยนต์หดตัวสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัวสินเชื่อบัตรเครดิตหดตัวตามปริมาณการใช้บัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลงตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่ปรับลดลง ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับความต้องการสภาพคล่องของครัวเรือน

สำหรับคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2564 ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.46 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.14% ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยง ด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 6.69% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 6.34%