สมาคมประกันชีวิตไทย ยืนยันบริษัทประกันชีวิตฐานะแกร่ง พร้อมยึดมั่นคำสัญญา ไม่ยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างทาง
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ขอชี้แจงว่า บริษัทประกันชีวิตทุกบริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งก่อนและหลังการรับประกันภัย และไม่มีเงื่อนไขให้บริษัทประกันชีวิตสามารถยกเลิกสัญญาระหว่างทางได้ ยกเว้นแต่มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการรับประกันภัย หรือมีเจตนาทุจริตต่อบริษัท
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ขณะเดียวกันธุรกิจประกันชีวิต มีความมั่นคงและมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด และเพียงพอต่อการปฏิบัติตามภาระผูกพันของกรมธรรม์ประกันภัยทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย ดังนั้น ธุรกิจประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลและให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา
จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันชีวิตในทุกแบบผลิตภัณฑ์กับทุกบริษัทประกันชีวิต เชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคงและพร้อมยึดมั่นคำสัญญาที่ระบุไว้ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์
“ธุรกิจประกันชีวิตพร้อมอยู่เคียงข้างผู้เอาประกันภัย และคนไทยในทุกสถานการณ์ และปฏิบัติตามพันธะสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยเสมอ” นายกมาคมประกันชีวิตไทย กล่าว
คปภ.ถกประกันวินาศภัยเจอจ่ายจบวันนี้ !
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้บริษัทประกันวินาศภัย ได้แห่ขายกรมธรรม์ประกันโควิด “เจอจ่ายจบ” และต่อมามีการระบาดใหญ่ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงมาก ส่งผลให้บริษัทประกันมียอดเคลมพุ่งสูง ทำให้ผลประกอบการขาดทุนและส่งผลกระทบต่อสถานะเงินกองทุนของหลาย ๆ บริษัท
โดยปัจจุบันจากที่ยอดเคลมโควิดแบบ “เจอจ่ายจบ” พุ่งสูงเกิน 3 หมื่นล้านบาท ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณอันตรายมาก เพราะตามกฎหมายการรับเสี่ยงภัยใดภัยหนึ่งต้องไม่เกิน 10% ของระดับเงินกองทุน
แต่ปัจจุบันเคลมจากโควิดเกินกว่า 26% ของเงินกองทุนแล้ว ขณะที่ปัจจุบันกรมธรรม์เจอจ่ายจบ จำนวนมากยังคุ้มครองไปถึงสิ้นเดือน มิถุนายน 2565 ดังนั้นมีความกังวลว่าหากเกิดการระบาดโควิดระลอกใหม่ขึ้นมา ธุรกิจประกันวินาศภัยจะรับมือไหวหรือไม่
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีที่สมาคมประกันวินาศภัยฯ เสนอขอให้พิจารณายกเลิกคำสั่งนายทะเบียนนั้น อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่เกิดปัญหาการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิดเมื่อช่วงเดือน กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา การบอกเลิกในลักษณะ “เหมาเข่ง” จะมีเสียงสะท้อนต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างมาก
บอร์ด คปภ.ได้รับทราบถึงปัญหาเบื้องต้นแล้ว แต่เห็นว่าต้องมีข้อมูลตัวเลขรายละเอียดและผลกระทบมาสนับสนุนเพิ่มเติม เพราะถ้าจะปรับปรุงหรือยกเลิกคำสั่งจะกระทบกับประชาชนผู้เอาประกันหลายสิบล้านคน คปภ.จึงต้องระมัดระวังมาก และคงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการหามาตรการอื่นในการเยียวยา กับข้อเสนอให้ยกเลิกคำสั่งว่าแนวทางไหนจะมีผลกระทบมากกว่ากัน โดยสิ่งที่ คปภ.คำนึงถึงคือธุรกิจประกันต้องอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นของประชาชน
โดย คปภ.เตรียมนัดประชุมสมาคมประกันวินาศภัยไทยและบริษัทสมาชิกเข้าร่วมหารือในวันจันทร์ที่ 15 พ.ย. 64 ว่าจะมีวิธีการ หรือทางเลือกอื่น ๆ ให้ประชาชนหรือไม่ เพราะตอนนี้ข้อเสนอมีแค่แนวทางเดียวคือให้ยกเลิกคำสั่ง บอกเลิกกรมธรรม์ประกันโควิด ซึ่งไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากประชาชน ดังนั้นควรจะเป็นแบบสมัครใจในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขความคุ้มครองหรือไม่ และหากประชาชนพอใจก็เป็นสิทธิของคู่สัญญาที่จะตกลงกัน
“ไม่ใช่อยู่ ๆ ไปบังคับบอกเลิกกรมธรรม์โควิดกับลูกค้าแบบนั้นคงไม่ได้ แต่ควรจะต้องให้ออปชั่น หรือมีมาตรการช่วยเหลือออกมาจะเหมาะสมมากกว่าจึงต้องมาคุยกันก่อน” เลขาธิการ คปภ.กล่าว