กัลฟ์-ปตท. เซ็นร่วมทุน PPP การท่าเรือฯ เดินหน้า “แหลมฉบัง” เฟส 3

“กัลฟ์-ปตท.” นับหนึ่งพัฒนา “แหลมฉบัง” เฟส 3 เซ็นสัญญาร่วมลงทุน PPP กับการท่าเรือฯ เป็นเวลา 35 ปี ก่อสร้าง “ท่าเทียบเรือ F” มูลค่าลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือ F1 ในปี 2566 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 ส่วนท่าเทียบเรือ F2 เริ่มก่อสร้างในปี 2570 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2572

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทราบว่า บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (GPC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัท ถือหุ้นในสัดส่วนรัอยละ 40 ร่วมกับบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด และ CHEC OVERSEA INFRASTRUCTURE HOLDING PTE. LTD. ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 และร้อยละ 30 ตามลำดับ

ได้เข้าลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีมูลค่าการลงทุนในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างหน้าท่า จำนวน 30,871 ล้านบาท

ทั้งนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ดำเนินการถมทะเล ในขณะที่ GPC จะเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง ให้บริการ และซ่อมบำรุงรักษาท่าเทียบเรือ F1 และ F2 เพื่อรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าด้วยระบบจัดการตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีความสามารถในการรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าได้อย่างน้อย 4,000,000 ทีอียูต่อปี

โดย GPC จะได้รับรายได้จากการประกอบกิจการท่าเรือ เช่น ค่าภาระการใช้ท่าของเรือ ค่าภาระยกขนตู้สินค้า ค่าภาระการใช้ท่าของตู้สินค้า และรายได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ภายใต้สัญญาร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นระยะเวลา 35 ปี ทั้งนี้ คาดว่าท่าเทียบเรือ F1 จะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 และท่าเทียบเรือ F2 จะเริ่มก่อสร้างในปี 2570 โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2572

ด้านบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะผู้ถือหุ้นร้อยละ 100 ในบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ก็ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเรื่องเดียวกัน พร้อมระบุว่า บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นมีทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท โดย PTT Tank ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 CHEC OVERSEA ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 และ GULF ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

โดยการร่วมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการท่าเรือ การบริการจอด เทียบ บรรทุก ขนถ่ายสินค้าแก่เรือเดินทะเล รวมถึงคลังสินค้า สำหรับการขนส่งคอนเทนเนอร์ได้อย่างน้อย 4,000,000 ทีอียูต่อปี (ทีอียู คือ เทียบเท่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต) ซึ่งการลงทุนดังกล่าว สามารถรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเป็นการทำธุรกิจด้านโลจิสติกส์

โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของ ปตท. ในการขยายธุรกิจด้าน Logistics & Inirastructure และ เป็นการสนับสนุนการเติบโตของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญา PPP สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F โดยในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 บริษัท GPC ได้เข้าทำสัญญาร่วมลงทุน PPP ระยะเวลา 35 ปีกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในโครงการข้างต้น