บลจ.เกาะเทรนด์ “เมตาเวิร์ส” จ่อตั้งกองใหม่ลงทุนธีมธุรกิจเกี่ยวข้อง

เอไอ หุ่นยนต์ เทคโนโลยี

บลจ.เกาะเทรนด์ “เมตาเวิร์ส” มาแรง “บลจ.ทิสโก้” เล็งผุดกองทุนใหม่ ม.ค.ปีหน้า มูลค่า 2 พันล้านบาท ลงทุนในบริษัท “ไซเบอร์ซีเคียวริตี้” อิงกระแสโลกเสมือนจริง ด้าน “บลจ.BACP” เร่งศึกษาออกกองยึดธีม Next Generation Digital Lifestyle ยอมรับยังเป็นเรื่องใหม่มาก เตือนอย่าเพิ่งคาดหวังผลตอบแทนดีกว่าตลาด แนะกระจายลงทุนบิ๊กธีมธุรกิจเกี่ยวข้องไปก่อน

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือโลกเสมือนจริง ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ น่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา เช่น cloud computing, 5G-6G, สารกึ่งตัวนำ (semiconductor), ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (cybersecurity),อุปกรณ์ VR (virtual reality) หรือชิ้นส่วนเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งจะกระตุ้นทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องน่าจะเติบโตได้ดีด้วย

โดยธุรกิจแรก ๆ ที่คาดว่าจะเห็นการนำเมตาเวิร์สมาใช้ คือ gaming และ e-Commerce ถัดจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่จะมีโลกเสมือนจริงให้ผู้เล่นและผู้บริโภคได้ใช้บริการที่ดีขึ้น รวมไปถึงบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ คงจะนำเมตาเวิร์สมาปรับรูปแบบในการให้บริการมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้มี 4 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยี ประกอบด้วย 1.กองทุน TISTECH-A ลงทุนบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่ม FAANG 2.กองทุน TCLOUD ลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี cloud computing 3.กองทุน TNEXTGEN ลงทุนในหน่วยลงทุนของ ARK Next Generation Internet ETF และ 4.กองทุน TCHTECH-A ลงทุนบริษัทเทคโนโลยีของจีน

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะออกกองทุนใหม่ 1 กอง ในช่วงเดือน ม.ค. 2565 มูลค่ากองประมาณ 2,000 ล้านบาท ลงทุนในบริษัท cybersecurity ซึ่งเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการปรับใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะใช้งานภายในของแต่ละบริษัท เพื่อลดการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หรือปรับใช้เทคโนโลยีในการให้บริการลูกค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทเลือกลงทุนผ่าน 2 กองหลัก ซึ่งจากในปี 2563 สามารถสร้างผลตอบแทน (รีเทิร์น)ได้สูงกว่า 50-70% ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในบริษัทของสหรัฐอเมริกาเกิน 50% ส่วนที่เหลือลงทุนในบริษัทของยุโรปและเอเชีย-แปซิฟิก

“กองใหม่นี้จะเปิดขายขั้นต่ำที่ 1,000 บาท ซึ่งด้วยเทรนด์ระยะยาว เราเห็นชัดเจนว่าเทคโนโลยีกำลังมา และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่าง cybersecurity จะมาแน่ ๆ แต่ถ้ามองในระยะสั้นด้วยความที่เป็นการลงทุนในหุ้นจะมีความผันผวนตามความเสี่ยงในตลาด และยิ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตะกร้าเดียวแบบนี้ จะมีความผันผวนมากกว่ากองทุนที่ลงทุนในตะกร้าใหญ่ ประกอบกับด้วยธรรมชาติของหุ้นกลุ่มเทค เป็นหุ้น high growth (เติบโตสูง) จะผันผวนกว่าหุ้น value (คุณค่า) แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวตามเทรนด์อนาคต” นายสาห์รัชกล่าว

ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานการจัดการกองทุนและรองกรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล (BCAP) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาออกกองทุนใหม่ในปีหน้า ภายใต้ธีม Next Generation Digital Lifestyle โดยเมตาเวิร์สจะเป็นคอนเซ็ปต์หนึ่งที่อยู่ในธีมนี้

แต่ด้วยกระแสเมตาเวิร์สยังเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ ดังนั้นในเบื้องต้น นักลงทุนควรเล่นบิ๊กธีมที่มีส่วนมาประสานกันแล้วช่วยขับเคลื่อน Next Generation Digital Lifestyle ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ cloud computing, blockchain, cybersecurity, semiconductor เป็นต้น


“อย่างไรก็ตาม การลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงไว้กับธุรกิจเทคโนโลยีที่จะได้ประโยชน์จากกระแสเมตาเวิร์ส ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้มี growth potential (ศักยภาพการเติบโต) แต่อย่าจดจ่อ เพราะตอนนี้เราแทบไม่รู้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะ หรือผู้แพ้ และป้องกันไม่ให้พอร์ตโฟลิโอได้รับความเสียหาย และไปคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (outperform) โดยทั่วไป” ดร.ธนาวุฒิกล่าว